แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 39
1
เหนื่อยกับการขนของ? รถรับจ้างราคาถูกสงขลา ช่วยคุณได้!

การขนย้ายของเป็นภาระที่ท้าทายและเหนื่อยใจ ไม่ว่าจะเป็นการ ย้ายบ้าน หรือ ขนสินค้าทางธุรกิจ ความเหนื่อยใจและความซับซ้อนที่มาพร้อมกับกระบวนการขนย้ายของสามารถทำให้คุณสับสนและตกใจ ทางออกสำหรับความสบายใจของคุณอาจจะคือการค้นหาบริการรถรับจ้างขนย้ายของที่เชื่อถือได้ และเราจะสำรวจเหตุผลที่ทำให้รถรับจ้างขนย้ายของสงขลาเป็นคำตอบสำหรับความสบายใจของคุณในกระบวนการขนย้ายของ

   
ความสำคัญของบริการรถรับจ้างขนย้ายของ

การค้นหาบริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลามาพร้อมกับความสบายใจและประหยัดทั้งเวลาและพลังงาน เราทราบว่าการขนย้ายของสามารถทำให้คุณเหนื่อยจากการพกของหนักหรือกระบวนการซับซ้อน และไม่ว่าคุณจะย้ายบ้านหรือขนสินค้าทางธุรกิจ การค้นหาบริการรถรับจ้างขนย้ายของที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งสำคัญ รถรับจ้างขนของสงขลา เป็นทางเลือกที่จะช่วยคุณลดความเหนื่อยใจและเร่งกระบวนการให้เสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว และมีราคาที่คุณสามารถรับประทาน ค้นหาบริการที่ทำให้คุณมั่นใจและสบายใจในการขนย้ายของของคุณเพื่อประหยัดเวลาและพลังงานของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

   
รถรับจ้างขนย้ายของสงขลาในภาพรวม

รถรับจ้างขนของสงขลาเป็นบริการที่ตอบสนองตามความต้องการของคุณอย่างแม่นยำ พวกเขามีประสิทธิภาพในการขนย้ายของและปรับตามกำลังการงานของคุณ ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายบ้านหรือสินค้าขนาดใหญ่ คุณสามารถพบกับบริการรถรับจ้างขนย้ายของที่ตอบสนองความต้องการของคุณได้อย่างดี ด้วยรถรับจ้างขนย้ายของสงขลา คุณสามารถมั่นใจในความเร็วและความปลอดภัยของขนย้ายของคุณ และคุณสามารถรับบริการที่ทำให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและสะดวก เพื่อให้คุณสามารถเร่งกระบวนการขนย้ายของของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลา และพลังงานของคุณอย่างเหมาะสม

   
ความสบายใจที่มาพร้อมกับบริการ

ความสบายใจในบริการรถรับจ้างขนย้ายของคือความเชื่อมั่นและความมั่นใจที่คุณจะได้รับบริการที่มีคุณภาพและเชี่ยวชาญ ขนส่ง คือความสบายใจที่ไม่ต้องกังวลหรือรังแกใจเกี่ยวกับกระบวนการขนย้ายของคุณ เมื่อคุณเลือกบริการรถรับจ้างขนย้ายของที่เชื่อถือได้ เรามั่นใจในความแม่นยำในการดูแลรายละเอียดและความเป็นมืออาชีพของทีมงาน มันคือความมั่นใจในความปลอดภัยของของคุณในระหว่างการขนย้ายและในการดูแลที่ดีที่จะทำให้กระบวนการขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและไม่มีปัญหา ความสบายใจนี้ทำให้คุณสามารถเร่งกระบวนการขนย้ายของของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลาและพลังงานของคุณอย่างเหมาะสมและมีความสบายใจในผลลัพธ์สุดท้ายของการขนย้ายของคุณว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและไม่มีปัญหาตลอดทางรถรับจ้างขนของทั่วไทย

   
ราคาและบริการที่คุณสามารถคาดหวัง

รถรับจ้างขนย้ายของสงขลามาพร้อมกับราคาที่เป็นไปได้และบริการที่หลากหลาย คุณสามารถคาดหวังความเสมอภาคและความสะดวกสบายในราคาที่คุณสามารถรับประทาน ราคาที่คุณจ่ายนั้นจะตรงกับคุณภาพและความมืออาชีพของบริการ และคุณจะพบว่ามีหลายแบบเพื่อตอบสนองความต้องการของคุณ รถรับจ้างขนย้ายของสงขลา มาพร้อมกับราคาที่ไม่น่าตกใจและคุณสามารถเลือกบริการที่ตรงกับงบประมาณของคุณ คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ไม่คาดหวังหรือไม่สอดคล้องกับคุณภาพ เมื่อคุณเลือกรถรับจ้างขนย้ายของสงขลา เพราะคุณจะได้รับความสมเหตุสมและความสะดวกสบายในการขนย้ายของคุณที่คุณสามารถคาดหวังได้อย่างแน่นอน

   
การเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลา

ความสำคัญของการค้นหาและเปรียบเทียบบริการรถรับจ้างขนย้ายของก่อนตัดสินใจ คุณสามารถเลือกบริการที่ตอบสนองตามความต้องการของคุณ และมีการจองและการติดตามที่สะดวกและง่าย การค้นหาและเปรียบเทียบช่วยให้คุณหาบริการที่ตรงกับความต้องการของคุณ ไม่ว่าคุณต้องการบริการขนย้ายของบ้านหรือธุรกิจ คุณสามารถดูแลสิ่งสำคัญของคุณโดยไม่เสียเวลาหรือพยายามต่อขนตัวอีก คุณสามารถทำการจองและติดตามในขั้นตอนที่สะดวกและง่าย เพื่อให้คุณได้รับบริการที่คุณคาดหวังและมั่นใจในการขนย้ายของคุณอย่างมีประสิทธิภาพและประหยัดเวลาและพลังงานของคุณอย่างเหมาะสมและไม่มีปัญหา

   
ประสบการณ์ในการขนย้ายของที่ลื่นไหล

บริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลาสร้างประสบการณ์การ ขนย้ายของ ที่ลื่นไหล คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับกระบวนการขนย้ายของที่ซับซ้อน แม้แต่งบ้านหรือขนสินค้าทางธุรกิจ คุณสามารถคาดหวังความสะดวกสบายและความปลอดเหนื่อยในระหว่างขนย้ายของคุณ รถรับจ้างขนย้ายของสงขลามาพร้อมเพื่อทำให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและไม่มีปัญหา พวกเขามั่นใจว่าคุณไม่จะต้องเผชิญกับปัญหาและความเหนื่อยใจขณะที่มีประสบการณ์การขนย้ายของที่เรื่อยไหล นี่คือทางที่คุณสามารถเข้าใจและมั่นใจว่าคุณจะได้รับบริการที่ดีที่สุดและไม่มีปัญหาตลอดทางขณะที่คุณกำลังเปลี่ยนที่อยู่หรือขนสินค้าของคุณอย่างลื่นไหล

   
พฤติกรรมการใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลา

ความถี่ในการใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายของ มีความหลากหลาย คุณสามารถค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมและช่องทางการค้นหาที่ใช้ง่าย อย่าพลาดโอกาสที่จะรับบริการที่ดีที่สุด ท่านสามารถเลือกใช้บริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลาตามความต้องการของคุณอย่างหลากหลาย คุณสามารถค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เหมาะสมเพื่อหาบริการที่ตอบสนองตามความต้องการของคุณ และท่านจะพบว่ามีช่องทางการค้นหาที่ใช้ง่ายเพื่อช่วยคุณค้นหาบริการที่ตรงกับความต้องการของคุณได้อย่างรวดเร็วและสะดวก ความหลายหลายนี้ทำให้คุณมีโอกาสรับบริการที่ดีที่สุดที่ตอบสนองตามความต้องการของคุณและทำให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและไม่มีปัญหากระบะขนของ

   
สรุป : สงขลาในสบายใจด้วยรถรับจ้างขนย้ายของ

รถรับจ้างขนย้ายของสงขลาคือคำตอบสำหรับความสบายใจและความสะดวกสบายในการขนย้ายของของคุณ ความสำคัญของรถรับจ้างขนย้ายของ ที่รวดเร็วและปลอดเหนื่อย ไม่ว่าจะเป็นการขนย้ายบ้านหรือสินค้าทางธุรกิจ คุณสามารถคาดหวังความสบายใจในกระบวนการขนย้ายของของคุณ ติดต่อและรับบริการที่เหมาะสมของคุณ! การเลือกใช้ บริการรถรับจ้างขนย้ายของสงขลา คือการตัดสินใจที่ดี เพื่อให้คุณมีประสบการณ์การขนย้ายของที่ง่ายและไม่มีปัญหา อย่าพลาดโอกาสที่จะรับบริการที่ตอบสนองตามความต้องการของคุณและทำให้การขนย้ายของคุณเป็นเรื่องง่ายและไม่มีปัญหา. สงขลารถรับจ้างขนย้ายของคือคำตอบสำหรับความสบายใจและความสะดวกสบายของคุณในกระบวนการขนย้ายของคุณทุกครั้ง

2
ทำบุญไหว้พระ วัดพระธาตุดอยสุเทพ ราชวรวิหาร วัดสวยเชียงใหม่ พระธาตุคู่เมืองล้านนา

วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนยอดดอยสุเทพ จังหวัดเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในวัดที่สำคัญที่สุดและเป็นสัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองของเชียงใหม่มาอย่างยาวนาน ด้วยความงดงามของสถาปัตยกรรมล้านนา และทิวทัศน์อันตระการตาของเมืองเชียงใหม่ที่มองเห็นได้จากมุมสูง ทำให้ที่นี่เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนไม่ควรพลาด

ประวัติและความสำคัญ
วัดพระธาตุดอยสุเทพสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 1929 ในสมัยพญากือนา กษัตริย์องค์ที่ 6 แห่งอาณาจักรล้านนา ราชวงศ์มังราย โดยมีตำนานเล่าว่า พระองค์ทรงอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ใหญ่ที่ทรงเก็บไว้สักการะถึง 13 ปี มาประดิษฐานที่นี่ ด้วยการเสี่ยงทายโดยปล่อยช้างมงคลขึ้นไปบนยอดดอย และเมื่อช้างหยุดลง พระองค์จึงโปรดให้สร้างเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ณ จุดนั้น

วัดแห่งนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อจิตใจของชาวเชียงใหม่และพุทธศาสนิกชนทั่วไป ในฐานะเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นวัดประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะแมอีกด้วย

ไฮไลต์และสิ่งที่น่าสนใจ

องค์พระธาตุเจดีย์สีทองอร่าม:

เป็นเจดีย์ทรงเชียงแสน ฐานสูงทรงระฆังแปดเหลี่ยม ปิดด้วยทองคำเปลวทั้งองค์ งดงามตามแบบศิลปะล้านนา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ เป็นศูนย์รวมศรัทธาของผู้คน

นักท่องเที่ยวและพุทธศาสนิกชนนิยมเดินเวียนเทียนรอบองค์พระธาตุเพื่อความเป็นสิริมงคล

บันไดนาค 306 ขั้น:

เป็นทางขึ้นสู่ตัววัดที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น ด้วยบันไดนาคเจ็ดเศียรที่ทอดยาวขึ้นไปอย่างสง่างาม การเดินขึ้นบันไดนี้ถือเป็นการปฏิบัติบูชาอย่างหนึ่ง

วิวทิวทัศน์เมืองเชียงใหม่:

จากลานชมวิวภายในวัด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองเชียงใหม่ได้อย่างกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา โดยเฉพาะในช่วงเช้าที่อาจได้เห็นทะเลหมอก หรือช่วงค่ำคืนที่แสงไฟระยิบระยับเต็มเมือง

พระอุโบสถและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ:

ภายในบริเวณวัดยังมีพระอุโบสถ วิหาร และสิ่งศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ให้กราบสักการะ เช่น หลวงพ่อสมปรารถนา พระราหู และพญานาค

การเดินทางและการเตรียมตัว
ที่ตั้ง: ตั้งอยู่บนดอยสุเทพ ในเขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ห่างจากตัวเมืองเชียงใหม่ประมาณ 20 กิโลเมตร

เวลาเปิด-ปิด: โดยทั่วไปเปิดทุกวัน เวลา 05.00 - 21.00 น. (บางแหล่งระบุ 06.00 - 20.00 น. หรือ 07.00 - 18.00 น. ควรตรวจสอบกับทางวัดอีกครั้งก่อนเดินทาง)

การเดินทาง:

รถยนต์ส่วนตัว/มอเตอร์ไซค์: สามารถขับขึ้นไปได้ แต่เส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยวและลาดชัน ควรขับขี่ด้วยความระมัดระวัง

รถสองแถว (รถแดง): เป็นวิธีที่นิยมที่สุด สามารถขึ้นรถสองแถวได้จากบริเวณหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ถนนห้วยแก้ว โดยมีทั้งแบบจอยทริป (ต้องรอให้คนครบ) หรือเหมาคัน

รถรางไฟฟ้า: สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินขึ้นบันไดนาค มีบริการรถรางไฟฟ้าขึ้น-ลงดอยสุเทพ ค่าบริการสำหรับคนไทยประมาณ 20 บาท และชาวต่างชาติประมาณ 50 บาท (เวลาทำการรถกระเช้าประมาณ 05.30 - 20.00 น.)

ค่าเข้าชม: คนไทยเข้าชมฟรี ชาวต่างชาติมีค่าเข้าชมประมาณ 30 บาท

ข้อแนะนำเพื่อการเยี่ยมชมที่ดีที่สุด
แต่งกายสุภาพ: สวมเสื้อผ้าที่ปิดไหล่และเข่า (เสื้อมีแขน กางเกงหรือกระโปรงยาว) เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หากแต่งกายไม่เหมาะสม อาจมีบริการผ้าถุงให้ยืมก่อนเข้าสู่บริเวณพระธาตุ

ช่วงเวลาที่เหมาะสม:

เช้าตรู่: เพื่อสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ชมวิวเมืองยามเช้า และหลีกเลี่ยงผู้คนที่หนาแน่น

ช่วงเย็น: เพื่อชมพระอาทิตย์ตกดินและแสงไฟระยิบระยับของเมืองเชียงใหม่ยามค่ำคืน

เตรียมร่างกายให้พร้อม: หากเลือกเดินขึ้นบันไดนาค ควรเตรียมร่างกายให้พร้อม และอาจพกน้ำดื่ม ยาดมติดตัวไปด้วย

เผื่อเวลา: ควรเผื่อเวลาในการเยี่ยมชมอย่างน้อย 1-2 ชั่วโมง เพื่อซึมซับบรรยากาศและเก็บภาพความประทับใจ

ระมัดระวัง: ทางขึ้นลงอาจลื่นได้ โดยเฉพาะช่วงฝนตก ควรใช้ความระมัดระวังในการเดิน

การมาทำบุญไหว้พระที่วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร ไม่เพียงแต่เป็นการเสริมสิริมงคล แต่ยังเป็นการได้สัมผัสกับความงดงามทางศิลปะ วัฒนธรรม และธรรมชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่อย่างแท้จริงค่ะ

3
ตรวจอาการด้วยตนเอง: เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง (Purulent rhinitis)

เยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง หมายถึง การอักเสบของเยื่อจมูกจากเชื้อแบคทีเรีย พบได้ในคนทุกวัย มักเป็นภาวะแทรกซ้อนของไข้หวัด และอาจพบเป็นอาการแสดงอันหนึ่งของไซนัสอักเสบ ในเด็กอาจพบร่วมกับการมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก


สาเหตุ

เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย เช่น สเตรปโตค็อกคัส สแตฟีโลค็อกคัส นิวโมค็อกคัส ฮีโมฟิลุสอินฟลูเอนเซ เป็นต้น ซึ่งอาจพบเป็นโรคแทรกซ้อนของไข้หวัด หรือพบในเด็กที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก (ซึ่งมักมีอาการน้ำมูกไหลเพียงข้างเดียวและหายใจมีกลิ่นเหม็น)


อาการ

คัดจมูก มีน้ำมูกข้นเหมือนหนองสีเหลืองหรือเขียว อาจหายใจมีกลิ่นเหม็น หรือปวดในรูจมูก


ภาวะแทรกซ้อน

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

มักพบว่าเยื่อจมูกบวม มีลักษณะแดง ๆ และมีน้ำมูกข้นเป็นหนองมีกลิ่นเหม็น

ในรายที่มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก จะพบมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรูจมูก และอาจตรวจพบไข้

ในรายที่จำเป็นต้องวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด แพทย์จะทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น เอกซเรย์ ใช้กล้องส่องตรวจจมูก (rhinoscopy) ตรวจหาเชื้อที่เป็นสาเหตุ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเกิดจากไข้หวัด แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการ (เช่น ยาแก้ปวด ยาแก้คัดจมูก ยาลดน้ำมูก) โดยไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ (เนื่องจากโรคนี้สามารถทุเลาเองได้ การให้ยาปฏิชีวนะมีผลข้างเคียงมากกว่าประโยชน์)

2. ถ้าตรวจพบว่าเป็นไซนัสอักเสบ ก็จะให้การดูแลรักษาแบบไซนัสอักเสบ

3. ถ้ามีสาเหตุจากสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ใช้เครื่องมือนำเอาสิ่งแปลกปลอมออก ใช้น้ำเกลือล้างจมูก และให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น โคอะม็อกซิคลาฟ) นาน 7-10 วัน

ผลการรักษา สำหรับไข้หวัดให้การรักษาตามอาการ ส่วนใหญ่มักจะหายเป็นปกติภายใน 1-2 สัปดาห์ ส่วนในรายที่มีไซนัสอักเสบแทรกซ้อน หรือสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก การรักษาที่ถูกต้องก็ช่วยให้หายเป็นปกติได้ภายใน 10-14 วัน


การดูแลตนเอง

หากมีอาการมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น ควรปรึกษาแพทย์ 

ถ้าพบว่าเป็นเยื่อจมูกอักเสบเป็นหนอง ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีอาการไม่ดีขึ้นใน 1 สัปดาห์ หรือมีอาการไซนัสอักเสบกำเริบ (เช่น มีไข้ ปวดศีรษะหรือใบหน้า ปวดและกดเจ็บบริเวณหน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม) หรือสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา (เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน เป็นต้น)


การป้องกัน

1. เมื่อเป็นไข้หวัด ควรรักษาให้ถูกต้อง อย่าปล่อยให้เป็นเรื้อรัง

2. ระวังอย่าให้มีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก

ข้อแนะนำ

หากมีอาการเป็นหวัด มีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียว หายใจมีกลิ่นเหม็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าพบมีอาการที่จมูกข้างเดียวในเด็กเล็ก อาจเกิดจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าจมูก ควรพบแพทย์เพื่อนำสิ่งแปลกปลอมออก

4
ไอเดียร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อสร้างรายได้ ลดความเสี่ยงและต้นทุนช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน

การสร้างพื้นที่อบอุ่นที่อาหารเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน การเปิดร้านอาหารก็มีความเสี่ยงเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องเสียค่าเช่าที่สูง อุปกรณ์ราคาแพง และยอดขายที่คาดเดาไม่ได้ โชคดีที่มีวิธีที่ชาญฉลาดในการลดความเสี่ยงและต้นทุนโดยเริ่มจากร้านเล็กๆ แล้วค่อยๆ ขยายธุรกิจ การเปิดร้านอาหารขนาดเล็กเพื่อลดความเสี่ยงและต้นทุนนั้นเป็นแนวคิดที่ดี

นี่คือไอเดียร้านอาหารเล็กๆ สุดสร้างสรรค์ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นธุรกิจอาหารได้อย่างมั่นใจและยั่งยืน
1. เริ่มต้นด้วยแผงขายอาหารหรือแผงขายของ
แทนที่จะเช่าร้านอาหารเต็มรูปแบบ ลองเริ่มจากแผงขายอาหารขนาดเล็ก ซุ้มขายอาหาร หรือรถเข็นขายอาหารดูก่อน ซึ่งใช้เงินลงทุนน้อยกว่า และสามารถตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน เช่น ตลาด เขตสำนักงาน หรือสถานที่จัดงานชุมชน
ข้อดี:ต้นทุนการติดตั้งต่ำ สถานที่ตั้งมีความยืดหยุ่น ง่ายต่อการจัดการ
เคล็ดลับ:เน้นที่เมนูเอกลักษณ์หนึ่งจานที่โดดเด่นและให้แน่ใจว่าลูกค้าที่ยุ่งจะได้รับบริการอย่างรวดเร็ว

2. บริหารร้านอาหารที่บ้าน
หากบ้านของคุณมีพื้นที่เพียงพอ คุณสามารถเปลี่ยนห้องครัวให้เป็นร้านอาหารขนาดเล็กหรือศูนย์จัดส่งอาหารได้ ร้านอาหารท้องถิ่นที่ประสบความสำเร็จหลายแห่งเริ่มต้นจากธุรกิจอาหารที่บ้าน
ข้อดี:ไม่มีค่าเช่า พื้นที่ทำงานที่คุ้นเคย และเวลาที่ยืดหยุ่น
เคล็ดลับ:เน้นการตลาดออนไลน์ แอปจัดส่งในพื้นที่ และการโปรโมตแบบปากต่อปาก

3. เสนอบริการแบบ Cloud Kitchen หรือแบบจัดส่งเท่านั้น
ครัวคลาวด์ (หรือที่เรียกว่าครัวผี) เปิดให้บริการโดยไม่มีพื้นที่สำหรับรับประทานอาหารในร้าน คุณสามารถเตรียมอาหารสำหรับจัดส่งผ่านแอปอย่าง GrabFood, LINE MAN หรือ Foodpanda เท่านั้น
ข้อดี:ต้นทุนการดำเนินงานต่ำ ไม่จำเป็นต้องมีพนักงานหรือพื้นที่รับประทานอาหารจำนวนมาก
เคล็ดลับ:เลือกอาหารยอดนิยม จัดการคุณภาพบรรจุภัณฑ์ และลงทุนในการมองเห็นออนไลน์

4. แบ่งปันพื้นที่กับผู้ขายรายอื่น
พื้นที่ส่วนกลางหรือ “ศูนย์อาหาร” กำลังได้รับความนิยม คุณสามารถเช่าเคาน์เตอร์หรือบูธในศูนย์อาหาร คาเฟ่ หรือพื้นที่ทำอาหารร่วมกันที่มีอยู่แล้วได้
ข้อดี:ค่าเช่าถูกกว่า ค่าสาธารณูปโภคที่ใช้ร่วมกัน และมีลูกค้าเดิมใช้บริการ
เคล็ดลับ:เลือกสถานที่ที่มีผู้ขายที่เข้ากันได้เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่คล้ายคลึงกัน

5. มุ่งเน้นไปที่แนวคิดเฉพาะกลุ่ม
แทนที่จะนำเสนอเมนูเต็มรูปแบบ ให้เลือกธีมหรือเมนูพิเศษเฉพาะ ตัวอย่างเช่น:
ปิ้งย่างสไตล์ไทย
บาร์พาสต้าโฮมเมด
คาเฟ่สมูทตี้วี
แกน การเน้นไปที่ธีมเดียวจะทำให้แบรนด์ของคุณน่าจดจำและจัดการได้ง่ายขึ้น
ข้อดี:การควบคุมสต๊อกและการตลาดที่ง่ายขึ้น
เคล็ดลับ:เน้นคุณภาพ ความสม่ำเสมอ และการนำเสนอ

6. สร้างร้านอาหารแบบป๊อปอัพ
ร้านอาหารป๊อปอัพคือประสบการณ์การรับประทานอาหารชั่วคราวที่เปิดให้บริการในช่วงเวลาสั้นๆ ในพื้นที่ที่ยืมมา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการทดลองแนวคิดของคุณโดยไม่ต้องผูกมัดระยะยาว
ข้อดี:เหมาะสำหรับการทดสอบตลาด ต้นทุนการตั้งค่าต่ำ
เคล็ดลับ:ร่วมมือกับร้านกาแฟหรือสถานที่จัดงานที่มีอยู่สำหรับกิจกรรมที่มีเวลาจำกัด

7. ให้บริการเฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น
หากพื้นที่เป้าหมายของคุณพลุกพล่านไปด้วยพนักงานออฟฟิศหรือผู้ที่เดินทางไปทำงาน ร้านอาหารแบบซื้อกลับบ้านอย่างเดียวอาจมีประสิทธิภาพมาก
ข้อดี:พื้นที่เล็กกว่า, หมุนเวียนลูกค้าได้เร็วกว่า, ค่าใช้จ่ายต่ำกว่า
เคล็ดลับ:ออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่มีประสิทธิภาพและเมนูที่กะทัดรัดเหมาะกับลูกค้าที่เดินทางบ่อย

8. เริ่มต้นด้วยการดำเนินงานในวันหยุดสุดสัปดาห์หรือนอกเวลา
หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเปิดแบบเต็มเวลาหรือไม่ ให้เริ่มจากร้านเล็กๆ ก่อน โดยเปิดเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์หรือในช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้น
ข้อดี:ความเสี่ยงต่ำ จัดการตารางเวลาได้ง่ายขึ้น
เคล็ดลับ:ใช้ช่วงเวลานี้เพื่อทดสอบความนิยมของเมนูและสร้างลูกค้าที่ภักดี

9. ร่วมมือกับซัพพลายเออร์ในท้องถิ่น
ร่วมมือกับเกษตรกร ชาวประมง หรือตลาดในท้องถิ่นเพื่อจัดหาวัตถุดิบสดใหม่ ไม่เพียงแต่คุ้มค่าเท่านั้น แต่ยังช่วยสนับสนุนชุมชนอีกด้วย
ข้อดี:ต้นทุนส่วนผสมต่ำกว่า คุณภาพดีกว่า
เคล็ดลับ:สร้างความสัมพันธ์ในระยะยาวและเน้นย้ำความสดใหม่จากฟาร์มถึงโต๊ะอาหารในการทำการตลาดของคุณ

10. ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดียและการตลาดออนไลน์
การปรากฏตัวออนไลน์ที่แข็งแกร่งสามารถทำให้ร้านอาหารเล็กๆ ของคุณดูเป็นมืออาชีพได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณการตลาดจำนวนมาก
ไอเดีย:
แบ่งปันวิดีโอการทำอาหารหรือช่วงเวลาเบื้องหลัง
ใช้ Instagram, Facebook และ TikTok เพื่อแสดงอาหารของคุณ
กระตุ้นให้ลูกค้าเขียนรีวิวและโพสต์เนื้อหาที่ผู้ใช้สร้างขึ้นอีกครั้ง

11. ตกแต่งอย่างชาญฉลาดด้วย DIY และมินิมอล
คุณไม่จำเป็นต้องมีดีไซน์หรูหราเพื่อดึงดูดลูกค้า ความเรียบง่าย สะอาดตา และอบอุ่น สามารถสร้างบรรยากาศที่อบอุ่นเป็นกันเองได้
ข้อดี:ต้นทุนการปรับปรุงต่ำ, บำรุงรักษาง่าย

เคล็ดลับ:ใช้วัสดุในท้องถิ่น ของตกแต่งทำมือ หรือเฟอร์นิเจอร์รีไซเคิลเพื่อสร้างสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์

12. จัดเมนูของคุณให้เรียบง่าย
หนึ่งในความผิดพลาดใหญ่หลวงที่สุดที่เจ้าของร้านอาหารมือใหม่มักทำคือการเสนออาหารมากเกินไป เมนูที่เล็กลงช่วยลดขยะ ลดขั้นตอนการทำงาน และสร้างความสม่ำเสมอ
ข้อดี:ควบคุมสต๊อกได้ง่ายขึ้น ความเครียดในครัวลดลง
เคล็ดลับ:เสนอเมนูอาหารขายดีที่สุดของคุณหลายๆ รูปแบบ

13. ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลหรือบล็อกเกอร์ด้านอาหาร
การร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นรายย่อยสามารถดึงความสนใจให้กับร้านอาหารของคุณได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณโฆษณาจำนวนมาก
ข้อดี:การตลาดที่คุ้มต้นทุน
เคล็ดลับ:เสนอเซสชั่นชิมรสหรือส่วนลดเพื่อแลกกับการเปิดเผยบนโซเชียลมีเดีย

14. ยึดถือแนวปฏิบัติที่ยั่งยืน
ลดต้นทุนพร้อมดึงดูดลูกค้าที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมด้วยการใช้บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ ลดขยะอาหาร และจัดหาแหล่งที่มาอย่างมีจริยธรรม
ข้อดี:ดีสำหรับการสร้างแบรนด์และการออมระยะยาว
เคล็ดลับ:เน้นย้ำความยั่งยืนในการตลาดของคุณเพื่อดึงดูดผู้บริโภคยุคใหม่

15. ทดสอบ เรียนรู้ และปรับตัว
ร้านอาหารเล็กๆ ทุกแห่งต้องปรับตัวตามเสียงตอบรับของลูกค้าและเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป อย่ากลัวที่จะปรับเมนู การตกแต่ง หรือกลยุทธ์การตลาดจนกว่าจะเจอสูตรสำเร็จที่ใช่
ข้อดี:การปรับปรุงอย่างต่อเนื่องช่วยให้ธุรกิจเติบโต
เคล็ดลับ:รวบรวมความคิดเห็นของลูกค้าและติดตามข้อมูลการขายเป็นประจำ

การเริ่มต้นร้านอาหารไม่จำเป็นต้องลงทุนเป็นล้านๆ การเริ่มต้นธุรกิจด้วยโมเดลธุรกิจขนาดเล็กที่ยืดหยุ่นและสร้างสรรค์จะช่วยให้คุณสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อความสำเร็จในอนาคต ให้ความสำคัญกับอาหารคุณภาพ บริการที่เป็นเลิศ และการสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับชุมชนร้านอาหารขนาดเล็กของคุณก็จะเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องเสี่ยงหรือเสียค่าใช้จ่ายมากมาย

5
จัดฟันบางนา: เคล็ดลับการเลือกแปรงสีฟัน

การทำความสะอาดช่องปากและฟัน  เรียกว่าเป็นกิจวัตรประจำวันเลยก็ว่าได้ เพราะการแปรงฟันสามารถช่วยกำจัดคราบจุลินทรีย์และเศษอาหารที่อาจตกค้างอยู่ภายในช่องปากสิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุของการเกิดโรคฟันผุ โรคเหงือกอักเสบเพราะฉะนั้น เราจึงต้องเอาใจใส่ในเรื่องของความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน โดยการทำความสะอาดฟันนั้นจะต้องใช้แปรงสีฟัน ที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการทำความสะอาดช่องปาก นอกจากนี้ การเลือกแปรงสีฟัน ก็ยังมีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะในปัจจุบันมีแปรงสีฟันมีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบนุ่ม แบบเรียวแหลม แบบงอ ซึ่งเราต้องเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการและความสะดวกในการทำความสะอาดช่องปากและฟัน แต่แปรงสีฟันแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา ควรเลือกแบบไหนให้เหมาะสมกับสุขภาพฟัน


วันนี้เราจะมาพูดถึงการเลือกใช้แปรงสีฟันให้เหมาะสมและให้ดีต่อสุขภาพด้วย แปรงสีฟันเป็นผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายในท้องตลาดและจะมีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกันกับความต้องการและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน โดยแปรงสีฟันจะแบ่งเป็น 4 ประเภท ตามขนาดโดยใช้อายุของผู้ใช้งานเป็น เกณฑ์ได้แก่ แปรงสีฟันสำหรับเด็กต่ำกว่า 3 ปี แปรงสีฟันสำหรับเด็ก 3-6 ปี แปรงสีฟันสำหรับเด็ก6- 12 ปี และสุดท้ายคือแปรงสีฟันสำหรับผู้ใหญ่ซึ่งก็จะมีขนแปรงที่แตกต่างกันออกไป โดยจะแบ่งเป็น 2 ชนิดคือ ตามความอ่อน แข็งของขนแปรง คือชนิดนุ่มและชนิดปานกลาง ซึ่งเราสามารถเลือกหาเลือกใช้ได้ตามความต้องการของเราเพราะสุขภาพช่องปากที่ดี ควรเริ่มจากการแปรงฟันที่ถูกวิธี เพราะฉะนั้น เราควรเลือกแปรงสีฟันให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะถ้าหากเลือกผิดประเภท อาจทำให้เกิดปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันตามมาได้ในอนาคต

สำหรับคุณสมบัติและลักษณะของแปรงสีฟันที่ดีนั้น จะขึ้นอยู่กับ ขนแปรง ไม่ควรเป็นเหลี่ยมมุม มีขนาดไม่ใหญ่จนเกินไปและสามารถเข้าไปทำความสะอาดฟันได้ทุกซี่ ภายในช่องปาก ขนแปรงควรทำจากไนลอน ชนิดอ่อนนุ่ม มี 3-4 แถว เพื่อช่วยพยุงเมื่อได้รับแรงกดเวลาแปรงฟัน ซึ่งขนแปรงแต่ละเส้น ก็จะมีการหมุนปลายเพื่อไม่ให้ปลายคม ซึ่งอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อเหงือกและผิวฟันได้นั่นเอง นอกจากนี้ ด้ามแปรงของแปรงสีฟันก็มีผลด้วยเช่นเดียวกัน

เราควรเลือกด้ามแปรงที่ตรงหรือทำมุมเล็กน้อย เพื่อให้สามารถใช้งานได้ง่าย ที่สำคัญการเลือกใช้แปรงสีฟัน ควรอ่านฉลากก่อนซื้อ เช่น ดูชนิด ขนแปรง เช่น อ่อนนุ่ม ปานกลาง หรือแข็ง ลักษณะปลายขนแปรงมน คมปลายตัด ปลายเรียวและควรอ่านวิธีการใช้ข้อแนะนำ วันเดือนปีที่ผลิต ผู้ผลิตเครื่องหมายการค้าให้ชัดเจน เพราะนอกจากการเลือกซื้อแปรงสีฟันด้วยตนเองแล้ว บางคนอาจจะขอคำแนะนำจากทันตแพทย์ ให้ช่วยแนะนำชนิดของแปรงสีฟันที่เหมาะสมกับช่องปาก แปรงสีฟันบางรุ่นจะมีฉลากและเครื่องหมายรับรองคุณภาพบนผลิตภัณฑ์ด้วย แต่ถ้าหากเราเลือกใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็ง เพราะคิดว่าแปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งน่าจะสามารถทำความสะอาดคราบเศษอาหารได้ดีกว่าขนแปรงอ่อนนุ่มแล้ว แต่การใช้แปรงขนแข็งนี้ อาจทำให้คอฟันสึกไปด้วยในขณะที่แปรงฟัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อแปรงฟันผิดวิธีคือแปรงแบบถูกไปมา ขนสีฟันที่แข็งจะยิ่งทำให้ฟันสึกมากขึ้น ทำให้เกิดอันตรายต่อเหงือกและผิวเคลือบฟันได้และหลายคนคงชื่นชอบกับการใช้แปรงสีฟันชนิดอ่อนนุ่ม มากกว่าแปรงสีฟันชนิดแข็ง เพราะขนแปรงที่อ่อนนุ่ม สามารถทำความสะอาดบริเวณซอกฟันและซอกเหงือกได้ดีหรือไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหมาะสมกับวิธีแปรงฟันที่แนะนำคือวิธีแปรงฟันแบบขยับปัด แต่ถ้าชื่นชอบแปรงสีฟันชนิดปานกลางก็ขอให้ระวังอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นกับเหงือกและฟันได้ เช่น คอฟันสึก เหงือกร่น ซึ่งอาจจะมีวิธีการป้องกันคือไม่ควรใช้วิธีการแปรงฟันแบบทั่วไป ควรค่อยๆแปรงเบาเบา อย่ารีบร้อน ค่อยๆขยับแปรงสีฟันสั้นๆ ทีละ 2-3 ซี่ อย่าแปรงแรงแบบลากยาวเพราะจะทำให้คอฟันสึกได้

สำหรับแปรงสีฟันนั้น หลังจากแปรงฟันเสร็จเรียบร้อยแล้วเราควรล้างขนแปรงให้สะอาด ปราศจากคราบยาสีฟันหรือฟองปล่อยให้น้ำไหลผ่านบริเวณขนแปรง การวางแปรงสีฟันควรวางในลักษณะหัวแปรงตั้งขึ้นและปล่อยให้ขนแปรงแห้งสนิทก่อนการใช้งานครั้งต่อไป ในกรณีมีที่มีแปรงสีฟันหลายด้าม ควรวางแยกกันเพื่อป้องกันการปนเปื้อนของเชื้อโรคและไม่ควรเก็บแปรงสีฟันในภาชนะที่ปิดสนิทเป็นเวลานานเพราะอาจทำให้เกิดความชื้น เมื่อแปรงสีฟันเปียกหลังจากการใช้งานอาจจะเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อโรค อย่างไรก็ตาม เราควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน ไม่ว่าจะใช้แปรงสีฟันประเภทไหน ย่อมเกิดการสึกหรอได้ตามระยะเวลาการใช้งาน ซึ่งอายุการใช้งานของแปรงสีฟันจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 เดือนอาจจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆร่วมด้วย เช่น ใช้แปรงสีฟันบ่อยแค่ไหน ลักษณะการใช้งานแปรงสีฟัน และอายุของผู้ใช้งาน หมั่นสังเกตลักษณะแปรงสีฟันอย่างสม่ำเสมอ

เพราะการใช้งานแปรงสีฟันที่เสื่อมสภาพ อาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคทำให้ทำความสะอาดฟันและช่องปากได้ไม่ทั่วถึงนั่นเอง เพราะฉะนั้น การเลือกแปรงสีฟันอย่างเหมาะสมจะช่วยเสริมสร้างสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีและควรแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง ประมาณครั้งละ 2 นาทีและใช้ไหมขัดฟันร่วมด้วยเป็นประจำ สิ่งสำคัญในการเลือกแปรงสีฟัน ควรคำนึงถึงประสิทธิภาพในการช่วยกำจัดคราบแบคทีเรียและจุลินทรีย์ในช่องปากอันเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคฟันผุ ทางคลินิกเราอยากให้ทุกคนหันมาใส่ใจรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและเป็นการลดปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพช่องปากและฟัน เพื่อให้เราสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และยังส่งผลให้เกิดคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกด้วย

6
โพสฟรี เว็บประกาศ / Doctor At Home: แผลแอฟทัส (Apthous ulcers)
« เมื่อ: วันที่ 13 ตุลาคม 2025, 15:14:56 น. »
Doctor At Home: แผลแอฟทัส (Apthous ulcers)

แผลแอฟทัส* เป็นสาเหตุของอาการแผลเปื่อยในปากที่พบได้บ่อยที่สุดในคนทั่วไป

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบบ่อยในกลุ่มวัยรุ่นและวัยหนุ่มสาว พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย มักเป็น ๆ หาย ๆ เป็นประจำโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง นอกจากสร้างความรำคาญ เมื่ออายุมากขึ้นจะเป็นห่างออกไปเรื่อย ๆ บางรายอาจหายขาดเมื่ออายุมาก

*มีชื่อเรียกอื่น เช่น canker sore, ulcerative stomatitis, recurrent aphthous stomatitis ชาวบ้านมักเรียกว่า แผลร้อนใน

สาเหตุ

ยังไม่ทราบแน่ชัด เชื่อว่าเกิดจากปัจจัยหลายอย่างร่วมกัน และอาจมีความสัมพันธ์กับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย (เช่น ภูมิคุ้มกันต่ำ การแพ้สารบางอย่าง การเกิดปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองหรือออโตอิมมูน)

พบว่าร้อยละ 40 ของผู้ป่วยที่มีอาการกำเริบบ่อย จะมีประวัติโรคนี้ในครอบครัว สันนิษฐานว่าส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ อีกส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการมีปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมร่วมกัน (เช่น อาหาร สิ่งกระตุ้นให้โรคกำเริบ)

ผู้ป่วยที่เกิดแผลแอฟทัส อาจพบว่ามีสิ่งกระตุ้นให้อาการกำเริบ อาทิ

    ความเครียด เช่น ขณะคร่ำเคร่งกับงาน หรืออ่านหนังสือสอบ อดนอน
    การได้รับบาดเจ็บในช่องปาก เช่น เยื่อบุปากหรือลิ้นถูกกัดหรือถูกแปรงสีฟัน ฟันปลอม หรืออาหารแข็ง ๆ กระทบกระแทก
    การมีประจำเดือน
    การใช้ยาสีฟันหรือน้ำยาบ้วนปากที่เจือปนสารลดแรงตึงผิว (มีคุณสมบัติในการทำความสะอาดและเกิดฟอง) เช่น sodium lauryl sulfate,  sodium lauroyl sarcosinate
    การแพ้อาหาร เช่น แป้งข้าวสาลี ไข่ นมวัว เนยแข็ง กาแฟ โคล่า ช็อกโกแลต อาหารที่มีรสเค็ม รสเผ็ด ของเปรี้ยวหรือผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นกรด (เช่น ส้ม ส้มโอ สับปะรด สตรอเบอร์รี่ มะเขือเทศ เป็นต้น)
    การแพ้แบคทีเรียบางชนิดที่มีอยู่ในช่องปาก
    การใช้ยา เช่น แอสไพริน ยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ยารักษาโรคกระดูกพรุน-อะเลนโดรเนต (alendronate)
    ภาวะขาดธาตุเหล็ก สังกะสี กรดโฟลิก หรือวิตามินบี 12
    ภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น โรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
    การป่วยเป็นโรคบางชนิด เช่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease/IBD)*
    การเลิกบุหรี่ อาจกระตุ้นให้เกิดแผลแอฟทัสในบางรายที่เลิกบุหรี่ใหม่ ๆ

*โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (inflammatory bowel disease/IBD) ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด

โรคนี้พบว่ามีการอักเสบของเยื่อบุลำไส้ ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเองหรือออโตอิมมูน (autoimmune) ถ้ามีการอักเสบจำกัดอยู่เฉพาะในลำไส้ใหญ่ เรียกว่า "โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง (ulcerative colitis)" ถ้ามีการอักเสบที่จุดใดจุดหนึ่งหรือหลายจุดของทางเดินอาหารตลอดแนวตั้งแต่ปากจนถึงทวารหนัก เรียกว่า "โรคโครห์น (Crohn’s disease)"

ผู้ป่วยมักมีอาการกำเริบเป็นครั้งคราว เป็น ๆ หาย ๆ อย่างเรื้อรัง ด้วยอาการปวดท้อง ท้องเดิน อุจจาระมีเลือดหรือมูกปน และอาจมีอาการถ่ายเป็นเลือด (เนื่องจากมีแผลที่ลำไส้ ทำให้มีเลือดออก) ซีด (จากการเสียเลือด) มีไข้ เบื่ออาหาร น้ำหนักลดร่วมด้วย


อาการ

อาการที่สำคัญคือ มีแผลเจ็บในช่องปาก ซึ่งอาจพบที่ริมฝีปาก (ด้านใน) กระพุ้งแก้ม ลิ้น (ด้านข้าง/ด้านใต้) เพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย ทอนซิล หรือพื้นปาก (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ลิ้นและเหงือก) ส่วนใหญ่จะมีเพียงแผลเดียว บางรายอาจมีหลายแผลเกิดขึ้นพร้อมกัน

ในรายที่มีแผลที่บริเวณผนังคอหอย/ทอนซิล จะมีอาการเจ็บคอเพียงจุดเดียวหรือข้างเดียว (ซึ่งผู้ป่วยสามารถระบุตำแหน่งได้) โดยเฉพาะอย่างยิ่งจะรู้สึกเจ็บมากเวลากลืนหรือพูด ทำให้กลืนหรือพูดลำบาก และอาจมีอาการปวดร้าวไปที่หูข้างเดียวกันเวลากลืน

อาการเจ็บแผลมักเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน ซึ่งค่อย ๆ เจ็บมากขึ้นทุกวันในช่วง 3-4 วันแรก หลังจากนั้นจะทุเลาลงไปเอง 

บางรายอาจพบว่ามีอาการเกิดขึ้นเวลามีสิ่งกระตุ้น (เช่น ความเครียด การอดนอน การมีประจำเดือน การเผลอกัดถูกริมฝีปาก/กระพุ้งแก้ม/ลิ้น หรือถูกแปรงสีฟันกระแทก การใช้ยาสีฟันหรือยาบางชนิด การกินอาหารหรือผลไม้บางชนิด เป็นต้น) หรืออาจอยู่ดี ๆ ก็กำเริบขึ้นโดยไม่ทราบว่ามีอะไรเป็นสิ่งกระตุ้นก็ได้

บางรายอาจมีความรู้สึกแสบร้อน หรือเสียวซ่าในปาก 1-2 วันก่อนมีแผลเกิดขึ้น

ในช่วงที่มีอาการเจ็บแผล จะรู้สึกปวดหรือเจ็บแสบเวลากินอาหารแข็ง ๆ หรืออาหารรสเค็ม เผ็ดหรือเปรี้ยวจัด ถ้าเป็นแผลขนาดใหญ่ อาจเจ็บมากจนกินอาหาร ดื่มน้ำ และพูดได้ลำบาก 

หลังมีอาการกำเริบได้ 3-4 วัน อาการจะค่อย ๆ ทุเลาลงและมักจะหายเป็นปกติได้เองใน 1-2 สัปดาห์ เมื่อเว้นไปสักระยะหนึ่ง อาจนานเป็นสัปดาห์ ๆ หรือเป็นเดือน ๆ หรือมากกว่านั้น ก็อาจจะมีอาการกำเริบอีก และมักจะเป็น ๆ หาย ๆ แบบนี้อยู่เรื่อยไป   

บางรายที่เป็นแผลแอฟทัสชนิดรุนแรง อาจมีไข้ อ่อนเพลีย ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณข้างคอหรือใต้คางบวม ซึ่งเป็นอาการที่พบได้น้อยมาก


ภาวะแทรกซ้อน

ไม่มีภาวะแทรกซ้อนหรืออันตรายอะไร นอกจากสร้างความเจ็บปวด กินและพูดลำบากชั่วคราว

สำหรับผู้ที่มีแผลแอฟทัสขนาดใหญ่ อาจเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยมาก


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ คือ แผลในปาก ซึ่งมีหลายลักษณะ* ส่วนใหญ่เป็นแผลแอฟทัสเล็ก

ส่วนน้อยเป็นแผลแอฟทัสใหญ่ หรือแผลแอฟทัสชนิดคล้ายเริม

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจตรวจพบไข้ ต่อมน้ำเหลืองที่บริเวณข้างคอหรือใต้คางบวม หรือแผลติดเชื้อแบคทีเรีย

*แผลแอฟทัสมีอยู่ 3 ชนิดได้แก่

1.  แผลแอฟทัสเล็ก (minor aphthous ulcers) ซึ่งพบได้มากกว่าร้อยละ 80 จะเป็นแผลตื้นลักษณะรูปไข่ ขนาด 3-5 มม. (ไม่เกิน 1 ซม.) มีวงสีแดงอยู่โดยรอบ ขอบแผลอาจบวมเล็กน้อย พื้นแผลมีสีขาวหรือเหลือง และกลายเป็นสีเทาเมื่อใกล้หาย มักพบที่บริเวณริมฝีปาก (ด้านใน) กระพุ้งแก้ม ลิ้น (ด้านข้างและด้านใต้) เพดานอ่อน ลิ้นไก่ ผนังคอหอย ทอนซิล หรือพื้นปาก (เนื้อเยื่อที่อยู่ใต้ลิ้นและเหงือก) มักไม่พบที่เหงือก เพดานแข็ง และลิ้น (ด้านบน) อาจเป็นเพียงแผลเดียว หรือหลายแผล (2-5 แผล) พร้อมกัน มีอาการเจ็บปวดไม่รุนแรง และหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่เป็นแผลเป็น อาจกำเริบได้ทุก 1-4 เดือน

2. แผลแอฟทัสใหญ่ (major aphthous ulcers) พบได้ประมาณร้อยละ 10-15 มีลักษณะคล้ายกับแผลแอฟทัสเล็ก แต่แผลมีลักษณะลึกกว่า มีขนาดมากกว่า 1 ซม.ขึ้นไป ขอบแผลบวม และมีอาการเจ็บปวดรุนแรงกว่า (มักจะรู้สึกเจ็บมากเวลากินอาหารหรือดื่มน้ำ ถ้าขึ้นที่เพดานอ่อน จะรู้สึกเจ็บมากเวลากลืน) แผลมีลักษณะรูปวงกลม อาจขึ้นเพียงแผลเดียว หรือเป็น 2 แผลคู่กัน นอกจากพบในตำแหน่งเดียวกับแผลแอฟทัสเล็กแล้ว ยังอาจพบที่เพดานแข็งและลิ้น (ด้านบน) ได้อีกด้วย แผลมักหายช้า (ใช้เวลาประมาณ 2-6 สัปดาห์) และเป็นแผลเป็น อาจกำเริบได้บ่อยมาก บางครั้งอาจพบในผู้ป่วยเอดส์

3. แผลแอฟทัสชนิดคล้ายเริม (herpetiform ulceration) ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการติดเชื้อเริม พบได้ประมาณร้อยละ 5-10 จะพบในกลุ่มคนที่มีอายุมากกว่ากลุ่มคนที่เป็นแผลแอฟทัส 2 ชนิดข้างต้น พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย แรกเริ่มจะขึ้นเป็นตุ่มใสเล็ก (1-2 มม.) นับเป็น 10-100 ตุ่ม แล้วแตกแผ่รวมเป็นแผลเดียวขนาดใหญ่ (คล้ายแผลแอฟทัสใหญ่) ขอบแผลไม่เรียบ มีอาการเจ็บปวดค่อนข้างรุนแรง พบในตำแหน่งต่าง ๆ แบบเดียวกับแผลแอฟทัสใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ข้างลิ้นหรือใต้ลิ้นมักพบได้บ่อย แผลหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ โดยไม่เป็นแผลเป็น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. แนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วย ในการดูแลตนเอง และการป้องกันไม่ให้แผลกำเริบบ่อย ในรายที่มีอาการปวดมากให้ยาบรรเทาปวด เช่น พาราเซตามอล และแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาชนิดใดชนิดหนึ่งต่อไปนี้ ป้ายแผลวันละ 2-4 ครั้ง จนกว่าจะทุเลา

    ครีมสเตียรอยด์ชนิดป้ายปาก เช่น ครีมป้ายปากไตรแอมซิโนโลนอะเซโทไนด์ (บรรเทาปวดและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น)
    ยาชา เช่น เจลลิโดเคน (lidocaine) ชนิด 2% (บรรเทาปวด)

2. ในรายที่ให้ดูแลรักษาข้างต้นไม่ได้ผล มีอาการรุนแรง แผลไม่หายภายใน 2 สัปดาห์ เป็น ๆ หาย ๆ บ่อย หรือมีอาการผิดปกติอื่นๆร่วมด้วย (เช่น ซีดหรือโลหิตจาง ปวดท้องบ่อย ท้องเดินเรื้อรัง มีไข้เรื้อรัง น้ำหนักลดฮวบ) แพทย์จะทำการตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด ใช้กล้องส่องตรวจทางเดินอาหาร ตรวจชิ้นเนื้อ (โดยตัดเนื้อเยื่อจากแผลไปส่งตรวจ) เป็นต้น ให้การรักษาตามสาเหตุและความรุนแรง เช่น ให้ยาปฏิชีวนะในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน, ให้ยาบำรุงโลหิตในรายที่มีโลหิตจางจากภาวะขาดเหล็ก, ให้กรดโฟลิกหรือวิตามินบี 12 หรือสังกะสีในรายที่ขาด, รักษาโรคที่ตรวจพบ (เช่น เอดส์ โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง) เป็นต้น

หากไม่มีภาวะผิดปกติอย่างอื่นร่วมด้วย และให้การรักษาดังข้อที่ 1 ไม่ได้ผล แพทย์อาจพิจารณาให้ยาสเตียรอยด์ (เช่น เพร็ดนิโซโลน) กินระยะสั้น ๆ เพื่อลดการอักเสบ ยานี้แพทย์จะใช้เท่าที่จำเป็น เนื่องเพราะใช้พร่ำเพรื่อหรือนาน ๆ มีผลข้างเคียงมากและอาจเกิดอันตรายได้

ผลการรักษา ส่วนใหญ่มักจะหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์โดยไม่ต้องใช้ยา (นอกจากยาบรรเทาปวดในรายที่ปวดมาก) แต่มักจะมีอาการกำเริบได้บ่อย โดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนใด ๆ 

ส่วนน้อยที่อาจมีความรุนแรง (ซึ่งการให้ยาบรรเทาอาการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ผล) หรือมีโรค/ภาวะผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ซึ่งจำเป็นต้องให้การรักษาควบคู่ไปด้วย


การดูแลตนเอง

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย หรือเคยรักษาแผลแอฟทัสมาก่อน และมีความมั่นใจในการดูแลตนเอง ควรปฏิบัติ ดังนี้

    นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และหาทางผ่อนคลายความเครียด
    หลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายแผล เช่น อาหารเผ็ดหรือเปรี้ยวจัด อาหารแข็ง
    กลั้วปากด้วยน้ำเกลือ (ผสมเกลือ 1 ช้อนชา หรือ 5 มล. ในน้ำ 1 แก้ว) วันละ 2-3 ครั้ง
    ถ้าปวดให้อมน้ำแข็งก้อนเล็ก ๆ ดื่มน้ำเย็น
    ถ้าปวดมากให้กินพาราเซตามอล* และ/หรือใช้ยาป้ายแผลในปากตามที่แพทย์แนะนำ

ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีไข้สูง อ่อนล้า ซีด หรือน้ำหนักลดร่วมด้วย หรือมีอาการปวดท้องและท้องเดิน เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
    ปวดแผลรุนแรง กินยาบรรเทาปวดไม่ได้ผล
    กินอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ
    แผลมีขนาดใหญ่ หรือขึ้นพร้อมกันหลายแผล
    มีอาการเรื้อรังเกิน 2 สัปดาห์ หรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย
    มีประวัติการแพ้ยา สตรีที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร หรือมีโรคตับ โรคไต หรือประจำตัวอื่น ๆ ที่มีการใช้ยา หรือแพทย์นัดติดตามการรักษาอยู่เป็นประจำ
    หลังกินยา มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    ดูแลตนเอง 3-4 วันแล้วอาการปวดไม่ทุเลา
    มีความวิตกกังวล หรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

2. ถ้าสงสัยว่ามีอาการรุนแรง หรือไม่มั่นใจที่ดูแลตนเองตั้งแต่แรกควรไปพบแพทย์ เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นแผลแอฟทัส ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาตามและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามการรักษาตามที่แพทย์นัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้าลักษณะอย่างใดอย่างหนึ่งดังนี้
    - กินอาหารหรือดื่มน้ำไม่ได้ หรือมีภาวะขาดน้ำ
    - ใช้ยาที่แพทย์แนะนำ 3-4 วันแล้วอาการปวดไม่ทุเลา หรือกลับมีอาการปวดมากขึ้น หรือมีไข้ขึ้น
    - มีอาการที่สงสัยว่าแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

*เพื่อความปลอดภัย ควรขอคำแนะนำวิธีและขนาดยาที่ใช้ ผลข้างเคียงของยา และข้อควรระวังในการใช้ยา จากแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็ก สตรีที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ผู้สูงอายุ และผู้มีโรคประจำตัวหรือมีการใช้ยาบางชนิดที่แพทย์สั่งใช้อยู่เป็นประจำ


การป้องกัน

ผู้ที่เคยเป็นแผลแอฟทัส ควรป้องกันไม่ให้แผลกำเริบบ่อยโดยปฏิบัติตัว ดังนี้

1. หมั่นออกกำลังกาย นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และผ่อนคลายความเครียด

2. กินอาหารให้ครบทุกหมู่ (ได้สารอาหาร วิตามิน และเกลือแร่ครบถ้วน) และกินผัก ผลไม้ และธัญพืชให้มาก ๆ

3. หลีกเลี่ยงอาหารที่แพ้หรือกระตุ้นให้เกิดแผลแอฟทัส

4. ดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันให้สะอาด โดยการแปรงฟันหลังกินอาหารทุกครั้ง และใช้ไหมขัดฟันอย่างน้อยวันละครั้ง อย่าให้มีเศษอาหาร (ที่อาจกระตุ้นให้แผลกำเริบ) ค้างคา ควรใช้แปรงสีฟันขนาดเล็กและขนนุ่มเพื่อไม่ให้ปากถูกกระทบกระแทก

ควรไปตรวจช่องปากและฟันกับทันตแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อดูแลรักษาฟันให้ดี (เช่น การแก้ไขฟันที่มีความแหลมคม การดูแลฟันปลอม) ไม่ให้เกิดการกระทบต่อช่องปากให้เกิดแผลแอฟทัส

5. ไม่ใช้ยาสีฟันและน้ำยาบ้วนปากที่เจือปนสาร sodium lauryl sulfate หรือ sodium lauroyl sarcosinate


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ไม่ใช่โรคติดต่อ สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ตามปกติ

2. ควรแยกแผลแอฟทัสออกจากเริมในช่องปากชนิดกำเริบซ้ำ ซึ่งมักจะขึ้นเป็นแผลเดียวที่เหงือกหรือเพดานแข็ง และอาจมีไข้ร่วมด้วย ทั้ง 2 โรคนี้สามารถให้การรักษาตามอาการก็หายได้เอง อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่แน่ใจควรหลีกเลี่ยงการใช้ครีมสเตียรอยด์ที่ใช้ป้ายแผลแอฟทัสในปาก เพราะถ้าเป็นเริมอาจทำให้โรคลุกลามได้

3. ในผู้หญิง แผลแอฟทัสมักกำเริบเวลามีประจำเดือน (ซึ่งอาจป้องกันได้ด้วยการกินยาเม็ดคุมกำเนิด) และขณะตั้งครรภ์มักจะไม่มีอาการกำเริบจนกว่าจะคลอด

4. ผู้ป่วยแผลแอฟทัสส่วนใหญ่มักมีอาการเพียงเล็กน้อย และหายได้เองใน 1-2 สัปดาห์ ซึ่งสามารถดูแลตนเองได้ อย่างไรก็ตาม ก็ควรเฝ้าสังเกตตัวเอง หากมีอาการผิดสังเกต รู้สึกมีอาการที่รุนแรง หรือรักษาตัวเองแล้วไม่ทุเลา ก็ควรไปพบแพทย์

5. ในรายที่เป็นแผลแอฟทัสใหญ่ (มากกว่า 1 ซม.) หรือเป็นรุนแรงหรือเรื้อรัง ควรตรวจหาสาเหตุ บางรายอาจพบร่วมกับโรคเอดส์ ภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ หรือโรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง (IBD) ในรายที่เป็นแผลนานเกิน 3 สัปดาห์ อาจเป็นอาการแสดงของมะเร็งช่องปากระยะแรกก็ได้

6. ผู้ที่เป็นแผลแอฟทัสบ่อย บางรายอาจมีโรคภูมิต้านตนเอง (autoimmune diseases) เกิดขึ้นในเวลาต่อมาได้ เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ ข้อสันหลังอักเสบเรื้อรัง เอสแอลอี คอพอกเป็นพิษ เป็นต้น หากมีอาการผิดปกติ เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย น้ำหนักลดฮวบ ไข้เรื้อรัง ปวดข้อนิ้วมือนิ้วเท้าเรื้อรัง ปวดหลังเรื้อรัง เป็นต้น ก็ควรไปพบแพทย์

7
รถหกล้อรับจ้าง นครศรีธรรมราช ราคาถูกคุ้มค่าจ้างกับสุดยอดรถรับจ้างขนของ

รถรับจ้างขนของหรือ รถกระบะรับจ้างนครศรีธรรมราช ที่เราเคยคุ้นหูหรือเคยคุ้นชินไปบ้างเราจะให้บริการดีขนาดไหนและใส่ใจมากน้อยอย่างไร อาจจะตรงต่อเวลาหรือไม่ และที่สำคัญราคาจะถูกหรือไม่

ทางเราก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลแก่ลูกค้าทุกท่าน เพราะการให้บริการรถรับจ้างขนของด้วยรถหกล้อรับจ้างรถกระบะรับจ้างที่พร้อมให้ราคาถูกและบริการดีที่ทุกคนได้มองหารถรับจ้างขนของด้วยในขณะนี้ต้อง

บอกเลยว่าของเราจะให้บริการรถรับจ้างที่ตรงต่อเวลาและใส่ใจทุกรายละเอียดของการขนย้ายตลอดจนมีความเป็นมืออาชีพและการขนของที่ปลอดภัยนั่นเอง นับว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการให้บริการแก่ลูกค้า

มีการจัดการบริหารการจัดการของรถรับจ้างขนของที่มีประสิทธิภาพของการให้บริการรถรับจ้างนครศรีธรรมราช หรือรถขนส่งของย้ายบ้านราคาถูกเป็นอย่างมาก ทุกคนนั้นจะต่างรู้ดีว่าในบางครั้ง

เราก็ต้องการที่จะขนย้ายบ้านจังหวัดนครศรีธรรมราช ขนย้ายห้อง ขนย้ายหอ ขนย้ายคอนโด ขนของย้ายสำนักงานหรือขนย้ายอพาร์ทเม้นท์ต่างๆ หลังจากที่ได้ให้เราบริการแล้วอาจจะเสร็จภารกิจ

ของงานประจำเราก็จะทำการขนส่งให้ดีที่สุดบางครั้งลูกค้าอาจจะวุ่นหรือยุ่งยากไม่มีคนยกสินค้าก็สามารถที่จะจ้างคนยกได้นั่นเองค่ะบริการของเราเน้นความจริงใจให้ราคาถูกและเป็นกันเอง

รถรับจ้างขนของนครศรีธรรมราช หากคิดว่าเราต้องการที่จะขนย้ายบ้านในทุกที่หรือต่างจังหวัดก็พร้อมที่จะเรียก รถรับจ้างขนของของ พีชภูรีโลจิสติกส์ หรือ รถรับจ้างขนส่งนครศรี ในทุกที่หรือทุกจังหวัดได้นั่นเองค่ะของ


เราเน้นให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของ

นครศรีธรรมราช รถหกล้อรับจ้างขนของนครศรีธรรมราช หรือไม่ก็จะเป็นรถรับจ้างขนของทั่วไทยที่รับของหรือขนย้ายทั่วไปด้วยรถรับจ้างมีค่ะคนยกของมีทั้งคนแพ็คของมีทั้งคนบริการถอดประกอบสินค้านั่นเองค่ะเราให้บริการในทุกเขตพื้นที่ มอบความสะดวกให้แก่ลูกค้าซึ่งมีความหลากหลายที่ผู้ให้บริการนั้นที่จะให้บริการแก่ลูกค้าได้มากพอสมควรทางเราจึงมีบริการ

รถรับจ้างขนของที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่สามารถเรียกใช้บริการง่ายแบบไร้ความกังวลสามารถติดต่อ
การบริการขนส่งย้ายของไม่ว่าจะเป็นรถกระบะรับจ้างรถหกล้อรับจ้างรถ 10 ล้อรับจ้างรถเครนรับจ้าง

เราพร้อมที่จะให้บริการเช่ารถกระบะรับจ้างขนของด้วยราคาที่ถูกเน้นการบริการที่ดีและให้บริการครอบคลุมทุกที่ทุกจังหวัดพร้อมให้บริการตลอด
24 ชั่วโมงไม่มีวันหยุดใดใดทั้งสิ้น หากต้องการขนย้ายของในนอกเวลาทำการลูกค้าก็สามารถติดต่อเข้ามาใช้ได้


ทางเรามีรถที่พร้อมสแตนด์บาย รถรับจ้างขนย้ายบ้านนครศรีธรรมราช ตลอดนั่นเองค่ะในส่วนของ ราคาค่ารถรับจ้างนครศรีธรรมราช ก็จะคิดตามระยะทางตามความเป็นจริงราคาเริ่มต้นที่ 500บาทขึ้นไป

ดังนั้นหากต้องการขนย้ายด่วนรับก็สามารถที่จะแจ้งได้ทันที หรือต้องการตรวจเช็คราคา ทางเราสามารถประเมินราคาเบื้องต้นได้เช่นกัน

เราให้บริการรถรับจ้างขนของที่เป็นมาตรฐานและมีรถจอดทุกจุดพื้นที่ และประจำทุกจังหวัดของประเทศไทย ถ้า ขนย้ายบ้านในนครศรีธรรมราช ก็จะจอดให้บริการทุกอำเภอ เราจะมีรถที่เพียงพอต่อ

การขนย้ายในแต่ละวันเมื่อต้องการขนย้ายสามารถจองเข้ามาได้ทันที เราจะล็อกคิวรถให้แลัทำการขนย้ายตามที่ลูกค้าได้คอนเฟิร์มกับทีมงานรถขนของ

ทั้งนี้ไม่ว่าจะขนของประเภทไหนก็ตามไม่ว่าจะขนย้ายของใช้ ขนย้ายเครื่องครัวหรือขนย้ายวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ด้วยทีมงานที่มีความเป็นมืออาชีพหลากหลายประสบการณ์สามารถที่จะทำงานให้กับลูกค้า

แบบประสบผลสำเร็จและตอบโจทย์ทุกการขนย้าย ดังนั้นรถกระบะรับจ้างขนของของเราก็มีปริมาณรับขนย้ายเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ลูกค้าสามารถที่จะเลือกตัดสินใจและเลือกใช้บริการได้ตามความพอใจ

หรือความเหมาะสมทั้งในเรื่องของวันเวลาสถานที่ในการรับสินค้าทางเราจะไปรับถึงที่-ส่งของถึงบ้านเราพร้อมให้บริการทุกจุดพื้นที่ด้วยรถกระบะรับจ้างขนของนครศรีธรรมราชในทุกเขตทุกอำเภอและใน


พื้นที่ดังกล่าว ดังนั้นสามารถที่จะวิ่งเข้าไปรับลูกค้าทุกท่านภายใน

1 ชั่วโมงหรือ 2 ชั่วโมงได้นั่นเองค่ะถ้าต้องการขนย้ายของด่วนเรียกรถกระบะรับจ้างขนของได้ทันที
ผลงานรับจ้างขนของ
เมื่อลูกค้าต้องการสนใจที่จะ ใช้บริการรถรับจ้างขนของสามารถตรวจสอบตรวจทานสอบถามเช็คราคาเบื้องต้นได้ทันทีทางเราจะมีพนักงานในการให้ราคาอย่างรวดเร็วและแม่นยำหากลูกค้าต้องการทัก LINE

หรือทักเฟส Messenger มาก็สามารถสอบถามได้เช่นกันทางเราจะรีบตอบให้เร็วที่สุดดังนั้นเมื่อลูกค้ามีความมั่นใจที่จะใช้บริการรถรับจ้างขนของก็ขอให้นึกถึงเพชรบุรีขนส่งนั่นเองนะคะ

ทางเราพร้อมที่จะให้บริการรถรับจ้างขนของลูกค้าอย่างเต็มที่และเต็มความสามารถนั่นเองค่ะติดต่อสอบถามเพิ่มเติมสำหรับลูกค้าที่ต้องการ ขนย้ายบ้านนครศรีธรรมราช ขนย้ายของนครศรีทุกชนิด ด้วยรถรับจ้างทุกประเภท

8
จัดฟันบางนา: การจัดฟันแบบใส ส่งผลอย่างไรต่อสุขภาพหรือไม่
 
ในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของคนเรา ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้สุขภาพร่างกาย เพราะประกอบไปด้วยอวัยะสำคัญหลายส่วนที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ฟัน, ลิ้น, เหงือก, เส้นเลือด และ เส้นประสาท โดยแต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกัน ซึ่งร่างกายของคนเราไม่สามารถขาดส่วนใดส่วนหนึ่งไปได้ นอกจากนี้ คนเราต้องรับประทานอาหารผ่านทางช่องปาก ไม่ว่าจะเป็นอาหารแข็ง หรืออาหารเหลว แต่หากรับประทานเข้าไปแล้วทำความสะอาดไม่ทั่วถึง และดูแลไม่ดีก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพในช่องปากและฟันตามมามากมาย


ดังนั้น เราจึงควรที่จะดูแลรักษาความสะอาดของสุขภาพช่องปากและฟันให้ดี เพื่อที่จะได้มีสุขภาพร่างกายที่ดีตามไปด้วย อย่างไรก็ตาม หากเรามีปัญหาเกี่ยวกับช่องปากและฟัน การเข้ารับการรักษาหรือแก้ไขปัญหาได้ทันเวลา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว เพราะจะช่วยลดความเสี่ยงของปัญหาที่อาจจะตามมาได้ในอนาคต หลายคนคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า สุขภาพช่องปากและฟัน เป็นกระจกสะท้อนของสุขภาพโดยรวม ซึ่งเราจะต้องดูแลตัวเองให้ดี เช่นเดียวกับการเข้ารับการจัดฟัน แน่นอนว่า หากเราไม่ดูแลตัวเองให้ดีในระหว่างการจัดฟัน ก็จะทำให้ส่งผลต่อสุขภาพร่างกายได้ เช่น ถ้าหากเราดูแลรักษาคาวมสะอาดช่องปากและฟันไม่ดี ก็จะทำให้เกิดฟันผุ
ซึ่งส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน อย่างการรับประทานอาหาร ซึ่งถ้าหากเรามีอาการปวดฟัน แน่นอนว่า ทำให้รับประทานอาหารได้ไม่สะดวก ซึ่งการที่เราได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอก็จะทำให้เกิดปัญหาสุขภาพตามมา ดังนั้น ถ้าหากมีปัญหาฟัน สิ่งที่ควรทำคือการเข้าพบทันตแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาทันที เช่นถ้าหากมีปัญหาเกี่ยวกับฟัน ก็ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการจัดฟัน เพื่อการบดเคี้ยวอาหารที่ดีขึ้น แต่ใครที่อยากจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส คงมีคำถามว่า เมื่อเราเข้ารับการจัดฟันแบบใสแล้ว จะส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของเราหรือไม่
 
วันนี้เราจะมาพูดถึงการเข้ารับการจัดฟันแบบใส ว่ามีผลต่อร่างกายอย่างไรบ้าง เชื่อว่าหลายคนอาจจะสงสัยและกังวลว่าจะเกิดผลต่อร่างกายของเรา ซึ่งการจัดฟันนั้น อย่างที่บอกไปตั้งแต่ต้นว่า ถ้าเรารักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างดี ก็จะช่วยทำให้เรามีสุขภาพฟันที่แข็งแรง และยังเป็นการช่วยรักษาสุขภาพช่องปากดีขึ้น ลดปัญหาฟันผุได้ เพราะฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบ เป็นสาเหตุของเศษอาหาร ที่ไปติดอยู่ตามซอกฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดฟันผุ ซึ่งการมีฟันผุส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม


แต่การเข้ารับการจัดฟันแบบใสนั้น ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟัน สามารถรับประทานอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ช่วยทำให้มีการบดเคี้ยวอาหารที่ดีขึ้น ส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหาร ดังนั้น การจัดฟันแบบใส จึงไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย และยังเป็นการช่วยทำให้เรามีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอีกด้วย นอกจากนี้ เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ยังไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ไม่เกิดผลกระทบต่อร่างกายของเรา เพราะมีความปลอดภัย ทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถสวมใส่เครื่องมือการจัดฟันได้อย่างไร้กังวล


อย่างไรก็ตามการดูแลรักษาความสะอาดและการปฏิบัติตัวในระหว่างการจัดฟัน ก็ถือว่ามีความสำคัญมากเช่นเดียวกัน เพราะถ้าหากเราละเลยในเรื่องของการทำความสะอาด แน่นอนว่าจะทำให้เกิดปัญหาฟันตามมาได้ และถ้าแปรงฟันไม่ดีก็ส่งผลทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียภายในช่องปาก ทำให้เกิดกลิ่นปากได้เหมือนกัน ดังนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟัน จะต้องเอาใจใส่ในการดูแลสุขภาพช่องปากและฟันเป็นอย่างดี เพื่อไม่ให้เกิดปัญหากลิ่นปากและฟันผุ โรคเหงือกอักเสบ หรือเป็นแผลในช่องปากตามมา


ทั้งนี้ หากใครสนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส หรือกำลังตัดสินใจที่จะเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิก เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันแบบใส และคลินิกของเรา ยังได้รับการรับรองสูงสุดจากทาง Invisalign ให้สามารถให้บริการทางด้านการจัดฟันแบบใส ได้อย่างมีมาตรฐานและความปลอดภัย จึงทำให้มั่นใจได้ว่า คุณจะมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีขึ้น มีฟันที่เรียงตัวสวยงาม มีบุคลิกภาพที่มั่นใจ มีรอยยิ้มที่สดใส และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน

9
รถรับจ้างขนของจังหวัดกระบี่ มีคนยกฟรี ราคาโปรฯถูก รับจ้างขนย้ายทุกอย่าง กระบะ-6-10ล้อรับจ้าง

ช่วงนี้อากาศเย็นใครที่กำลังต้องการที่จะเดินทางไปที่จังหวัดกระบี่ ต้องมีการศึกษาเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวให้มากพอสมควร เพราะการไปเที่ยวในแต่ละครั้ง แน่นอนว่าต้องดูเรื่องค่าใช้จ่าย ค่าเดินทาง ซึ่งเราจะต้องมีการจัดการและจัดเตรียมในส่วนนี้ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่นั้นมีมากและมีชื่อเสียง ซึ่งในบางครั้งหากคุณเดินทางโดยเครื่องบิน ลงสนามบินจังหวัดกระบี่ บางครั้งคุณอาจจะอยู่ไกลจากที่พัก คุณจึงมีความจำเป็นที่จะต้องเลือกใช้บริการ ต้องเลือกใช้บริการ รถรับจ้างขนของจังหวัดกระบี่ เพื่อความสะดวกต่อการขนย้ายและย้ายของ กระเป๋าเดินทางให้กับคุณถึงสถานที่พักนั้นจะต้องมีคนช่วยยกของด้วย

ในขณะนี้ก็มีรถให้บริการ รถกระบะรับจ้างขนของจังหวัดกระบี่ ที่จะให้บริการคุณทั้งแบบตู้ทึบและแบบคอกสูง ขึ้นอยู่กับว่าคุณต้องการเลือกที่จะใช้ รถขนของประเภทไหนในการขนย้ายของ แต่ถ้าหากต้องการขนย้ายของปริมาณมากๆก็อาจจะเป็น รถ 6 ล้อรับจ้างขนย้ายของจังหวัดกระบี่ หรืออาจจะเป็น รถสิบล้อรับจ้างขนของจังหวัดกระบี่ ก็ได้เช่นเดียวกัน งานบริการไม่ว่าจะเป็นงานเล็ก งานใหญ่ ขนย้ายสำนักงาน ขนย้ายบ้าน ย้ายหอพัก ทีมงานขนส่ง ก็พร้อมให้บริการคุณตลอด 24 ชั่วโมง

วันนี้เราจะขอเล่ารายละเอียดเกี่ยวกับการท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ที่ใครหลายคนมาแล้วต้องบอกเลยว่า จะต้องมาอีกครั้งอย่างแน่นอน หรือหากติดต่อ สถานที่ท่องเที่ยวยากลำบาก ท่านก็โทรมาสอบถามรายละเอียดการท่องเที่ยวหรือ การขนย้ายของกับเราได้ฟรีๆ


เดินทางเที่ยวในกระบี่ง่ายนิดเดียว หากรู้จัก

สำหรับใครที่ต้องการที่จะเตรียมตัวเดินทางมาเที่ยวจังหวัดกระบี่ สิ่งที่เราจะต้องดูก่อน ก็จะต้องมีการศึกษาว่า ในเรื่องของการเดินทางมาที่จังหวัดกระบี่นั้น ต้องดูก่อนว่าคุรเดินทางด้วยเครื่องบิน หรือ รถขนส่งมวลชน รถทัวร์ หรือท่านอาจจะขับรถมาเอง หากขับมาเองก็สามารถใช้เส้นทางหลักได้หลายเส้นทาง โดยส่วนใหญ่คนจะใช้ทางหลวงหมายเลข 4 ในการเดินทางไปยังจังหวัดกระบี่

ส่วนเนื้อเรื่องของสภาพอากาศ จังหวัดกระบี่นั้นจะมีฤดูการท่องเที่ยวที่ไม่มีมรสุม ทะเลจะสวยไม่มีฝนจะอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน ซึ่งช่วงนี้เป็นช่วงที่น่าเที่ยวมากที่สุด ส่วนในเรื่องของที่พัก ก็มีหลากหลายขึ้นอยู่กับว่าเราต้องการที่พักเป็นแบบรีสอร์ท ระดับต่างๆกี่ดาว หรือจะเป็นบังกะโล ก็มีให้เลือก ในทุกๆระดับแล้วแต่ราคา

 มาดูสถานที่ท่องเที่ยวกันซึ่งวันนี้ ทีมงานรถรับจ้าง ขอชี้แจงเรื่องสถานที่ท่องเที่ยว เผื่อว่า จะเป็นประโยชน์แก่ท่าน หรือ ท่านอาจจะได้ใช้บริการ รถรับจ้างขนย้ายของจังหวัดกระบี่ กับเราไม่ว่าจะเป็นทาง รถกระบะรับจ้าง รถหกล้อรับจ้าง รถรับจ้างขนของ รถขนของทั่วไปในจังหวัดกระบี่ เราก็พร้อมให้บริการอย่างไม่มีปัญหา และสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจได้แก่

1. สุสานหอย 45 ล้านปี ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้น โดยการทับถมของฟอสซิลของหอยเป็นระยะเวลาที่ยาวนานกว่า 45 ล้านปี ลักษณะจะคล้ายคล้ายแท่งคอนกรีตขนาดใหญ่ จะอยู่ที่อุทยานแห่งชาตินพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี

2. ทะเลแหวก ถือว่าเป็นจุดท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเที่ยวจำนวนมากทั้งชาวไทยและต่างชาติ เป็นจุดที่คนนิยมไป ลักษณะจะเป็นสันทรายเชื่อมเกาะ 3 เกาะ ซึ่งจะได้แก่ เกาะหม้อ เกาะไก่ เกาะทับ คนที่ชอบไปเที่ยวตรงนี้จะต้องรอช่วงเวลาน้ำลง ซึ่งสามารถเดินข้ามไปยังแต่ละเกาะได้ โดยเฉพาะช่วงวันก่อนและหลังขึ้น 15 ค่ำ น้ำจะลงและพบสันทรายอย่างสวยงาม

3. เกาะปอดะ ซึ่งแต่ก่อนตอน เขาเรียกขานกันมาหลายชื่อ บางคนก็เรียก เกาะด้ามขวาน บางคนก็เรียก เกาะไก่ ซึ่งจะเรียกชื่อตามลักษณะฉงอนฝาเกาะ จุดเด่นของเกาะนี้คือมีหาดทรายที่ขาวทอดยาว นอกจากนั้นก็จะมีปลาลายเสือน้ำตื้นที่ให้นักท่องเที่ยวได้ดำน้ำดูปลา อย่างสวยงาม

4. วัดถ้ำเสือ ถือว่าเป็นวัดที่อยู่ใกล้อำเภอเมือง จุดเด่นอยู่ที่ในถ้ำมีโพรงที่เสือเคยอาศัยอยู่ มีรอยประทับของอุ้งเท้าเสือ เหมาะมากสำหรับใครที่ต้องการไปทำบุญสักการะ ไหว้พระ และยังถือว่าเป็นแหล่งประวัติศาสตร์ และโบราณคดีอีกด้วย

5. สระมรกต จะอยู่ที่อำเภอคลองท่อง เมื่อเรามาถึงก็จอดรถแล้วเดินขึ้นมาเป็นระยะทางประมาณ 1 กิโล ผ่านป่าก็จะมาพบ สระแก้ว สระมรกต ใครที่ต้องการลงเล่นน้ำก็สามารถนำชุดมาเปลี่ยนเพื่อเล่นน้ำได้ ซึ่งลักษณะน้ำจะเป็นสีเขียวใส ถ่ายรูปก็สวย

นี่ก็เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวเบื้องต้นของจังหวัดกระบี่หากใครที่สนใจมา เดินทางมาท่องเที่ยว ก็ต้องทำการวางแผนการเดินทาง และหากลูกค้าต้องการซื้อของฝากกลับบ้าน สามารถมาใช้ บริการรถขนของรับจ้างจังหวัดกระบี่ ได้เลยทันทีตามเบอร์และรายละเอียดที่อยู่ข้างบนนี้ ยังไงฝากให้เราได้มีโอกาสรับใช้คุณด้วยนะคะ บริการดี มีคุณภาพ ราคาไม่แพงเลยคะ ต่อรองได้เลย

10
ซ่อมบำรุงอาคาร: สิ่งที่ควรระวังในการซ่อมหลังคาคอนกรีต
 
โครงสร้างของหลังคา ถือเป็นโครงสร้างส่วนที่สำคัญของบ้านอย่างมาก ซึ่งหลังคามีหน้าที่กันแดด กันฝนให้กับบ้านของเราและผู้อยู่อาศัย โดยโครงสร้างหลังคาจะต้องมีความแข็งแรงทนทานและรับแรงลมได้ดี ปัญหาหลักๆ ที่มักพบบ่อยสำหรับโครงสร้างหลังคา มักจะเป็นเรื่องของการเกาะยึดของตัวหลังคากับโครงหลังคา เมื่อมีลมพายุพัดมาแรงๆ หลังคาจะเกิดความไม่มั่นคง และมีโอกาสหลุดได้

นอกจากนี้ ปัญหาที่มักพบบ่อยเป็นเรื่องของการรั่วซึม แตกร้าว สาเหตุมักเกิดมาจากวัสดุมุงหลังคา ซึ่งในปัจจุบัน หลายบ้านเลือกใช้กระเบื้องหลังคาคอนกรีต ถือว่าเป็นทางเลือกยอดฮิตในการสร้างบ้านที่มีความทันสมัย สำหรับผู้ที่ต้องการหลังคาบ้านที่ความแข็งแรง พร้อมกับดีไซน์ที่โดดเด่น สวยงาม ทำให้บ้านดูมีความมั่นคงและภาพลักษณ์ที่สมบูรณ์

เนื่องจากกระเบื้องหลังคาคอนกรีตเปี่ยมไปด้วยคุณสมบัติด้านการใช้งานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่ง กระเบื้องหลังคาคอนกรีตทนทานต่อสภาพอากาศต่างๆ ลมพายุ แสงแดด ความร้อนและฝนตกที่สามารถรับมือได้เป็นอย่างดี อีกทั้งกระเบื้องหลังคาคอนกรีตยังมีราคาที่ไม่แพง มีขนาดที่พอดี แต่ถ้าหากหลังคาคอนกรีตของเรา เกิดการรั่วซึม เราาจะต้องรับมืออย่างไร วันนี้เราจะมาพูดถึงสิ่งที่เราจะต้องระมัดระวังในการซ่อมหลังคาคอนกรีต เพราะการซ่อมแซมได้ทันเวลาและการบำรุงรักษาตามปกติจะช่วยให้มั่นใจได้ว่าไม่มีความเสียหายโครงสร้าง
 
 
ปัญหาหลังคารั่วซึม อาจเกิดขึ้นได้กับทุกบ้าน มีหลายสาเหตุ และอาจลุกลามใหญ่โตได้หากไม่รีบแก้ไข ส่วนใหญ่กระเบื้องหลังคาคอนกรีตแบน มักจะมีปัญหาก็คือการรั่วไหลของน้ำ เมื่อมีการรั่วไหลของกระเบื้องหลังคาคอนกรีตราบเรียบ การแก้ไขอย่างรวดเร็วมักใช้วัสดุซีเมนต์หรือซีเมนต์กันน้ำบางชนิดที่บริเวณที่มีการรั่วไหล


เกือบทุกครั้งรอยแตกจะเต็มไปด้วยวัสดุกาวที่คล้ายกันเพื่อป้องกันความเสียหายเพิ่มเติม แต่สิ่งที่ต้องระวังก็คือ การกันน้ำทั้งกระเบื้องหลังคา โดยไม่คำนึงถึงตำแหน่งที่รั่วไหลอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น เราจะต้องทำการตรวจสอบและซ่อมแซมพื้นที่ที่อยู่เหนือรั่วไหล เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด หากมีการรั่วไหลอย่าจำกัด การตรวจสอบไปยังพื้นที่ที่อยู่เหนือรั่วไหล ต้องตรวจสอบด้านข้างมุมท่อระบายน้ำและที่อื่น ๆ ที่อาจมีความเสี่ยงบางครั้งรอยรั่ว อาจไม่สามารถมองเห็นได้บนพื้นผิว เพราะคอนกรีตซึมผ่านได้ ดังนั้น การระบายน้ำหรือการเก็บรวบรวมน้ำ ณ จุดใดจุดหนึ่งอาจทำให้เกิดการรั่วซึมที่จุดอื่นได้อีก

 
นอกจากนี้ต้องระวังในเรื่องของการรั่วไหลของกระเบื้องคอนกรีต มักจะได้รับการแก้ไขโดยการเปลี่ยนหรือวางตำแหน่งกระเบื้อง ในขณะที่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนกระเบื้องที่แตกและเปลี่ยนตำแหน่งกระเบื้อง หากไม่ได้รับการปรับให้พอดีกับบางครั้งปัญหาที่เกิดขึ้นจริงอยู่ใต้พื้นผิว เมื่อการรั่วไหลเกิดขึ้นในกระเบื้องหลังคากระเบื้องคอนกรีต การซ่อมแซมอาจมีส่วนทำให้เกิดการฉีกขาดอีกครั้ง


ซึ่งอาจจะต้องเอากระเบื้องทั้งหมดออกและวางตำแหน่งใหม่ อย่างไรก็ตาม กระเบื้องหลังคาคอนกรีต ไม่ว่าจะติดตั้งได้อย่างถูกต้องหรือไม่ ก็สามารถเกิดปัญหาขึ้นได้ในระยะยาว เราจึงควรพิจารณาถึงความสำคัญของกระเบื้องหลังคา ความเหมาะสมในการใช้งาน เพื่อให้เกิดปัญหาได้น้อยที่สุด ดังนั้น หากมีปัญหาเกี่ยวกับการซ่อมแซมหรือบำรุงรักษาอาคารบ้านเรือน หรือสถานที่ต่างๆ และไม่สามารถแก้ไขในเบื้องต้นได้ ต้องทำการติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเข้ามาแก้ไขโดยด่วน เพราะถ้าหากปล่อยไว้ อาจจะทำให้ปัญหาลุกลามมากขึ้น และอาจจะต้องเสียค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

 
ทางเรา ให้บริการบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวก และระบบเครื่องจักรประกอบอาคารทั้งในอาคารโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและที่พักอาศัย โดยให้บริหาร จัดการแบบครบวงจร โดยวิศวกรผู้เชี่ยวชาญและช่างเทคนิคเฉพาะทาง ที่มีประสบการณ์การงาน บำรุงรักษาระดับมืออาชีพ สามารถออกแบบวางแผนการบำรุงรักษาอาคาร  เพื่อให้ลูกค้ามีความสะดวกสบาย และความปลอดภัย รวมไปถึงช่วยให้มีสิ่งแวดล้อมที่ดี ภายในอาคารบ้านเรือนเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนในยุคปัจจุบันได้เป็นอย่างดี ช่วยป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ

11
Doctor At Home: โรคเชื้อราแคนดิดา (Candidiasis/Moniliasis)

โรคเชื้อราแคนดิดา พบได้ในบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น ในช่องปาก และช่องคลอด

โรคนี้พบได้ในคนทุกวัย พบมากในเด็กอ่อน คนอ้วน ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ เบาหวาน เอดส์ มะเร็ง ผู้ที่ใช้ยาปฏิชีวนะหรือสเตียรอยด์นาน ๆ


สาเหตุ

เกิดจากเชื้อแคนดิดาอัลบิแคนส์ (Candida albicans) ซึ่งมีอยู่ประจำถิ่นหรือเป็นปกติวิสัย (normal flora) ในร่างกาย เช่น ช่องปาก ทางเดินอาหาร ทางเดินปัสสาวะ ช่องคลอด ผิวหนัง เมื่อร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น กินยาสเตียรอยด์ หรือยารักษามะเร็ง เป็นเบาหวาน เอดส์) หรือมีการเปลี่ยนแปลงสภาพความเป็นกรดด่าง (เช่น การกินยาปฏิชีวนะ การตั้งครรภ์) ก็จะทำให้เชื้อราชนิดนี้เจริญจนเกิดเป็นโรคขึ้นได้

อาการ

ช่องปาก พบเป็นฝ้าขาวที่ลิ้น หรือตามเยื่อเมือกในช่องปาก (ดู "โรคปากนกกระจอก" เพิ่มเติม)
   
ช่องคลอด มีอาการตกขาว คัน (ดู "ช่องคลอดอักเสบ" เพิ่มเติม)

     ผิวหนัง พบมากบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น ลักษณะเป็นรอยแดงแบบหนังถลอก มีขอบเขตชัดเจน รอบ ๆ จะมีผื่นแดงเล็ก ๆ กระจายตัวอยู่ อาจมีอาการคันร่วมด้วย

โรคเชื้อราแคนดิดาที่พบตามซอกผิวหนังนี้มีชื่อเรียกว่า "Intertriginous candidosis"

เล็บ โรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (candida paronychia หรือ onychomycosis) พบในผู้ที่ต้องใช้มือแช่น้ำหรือเปียกน้ำอยู่เสมอ หรือในผู้ป่วยเบาหวาน แรกเริ่มจะมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บ กดเจ็บ พบได้มากกว่า 1 นิ้วพร้อมกัน บางครั้งกดดูจะมีหนองออกจากใต้เล็บ เนื่องจากมีการติดเชื้อจากแบคทีเรียแทรกซ้อน เมื่อปล่อยให้เป็นเรื้อรังเล็บส่วนปลายจะแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ (เรียกว่า onycholysis) และบริเวณใต้เล็บจะเห็นเป็นสีขาวหรือเหลือง ต่อมาเล็บจะเสียและเปลี่ยนรูปร่าง มีร่องขวางลักษณะขรุขระที่ตัวเล็บ แต่เล็บไม่ผุหรือกร่อนแบบโรคกลากที่เล็บ


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนใหญ่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง

ผู้ป่วยเอดส์และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ (เช่น ผู้ป่วยมะเร็งหรือได้เคมีบำบัด) เชื้อราอาจลุกลามจากช่องปากลงไปที่หลอดอาหารและกระเพาะอาหาร รวมทั้งอาจแพร่กระจาย ทำให้เกิดการอักเสบของอวัยวะอื่น ๆ ทั่วร่างกาย เช่น หลอดอาหารอักเสบ กระเพราะอาหารอักเสบ ปอดอักเสบ เยื่อบุหัวใจอักเสบ เยื่อบุช่องท้องอักเสบ ตับอักเสบ ม้ามอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ จอตาอักเสบ เป็นต้น

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ หากไม่แน่ใจหรือรักษาแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะทำการส่งต่อเพื่อตรวจเพิ่มเติม โดยการขูดเอาผิวหนังหรือเล็บส่วนนั้นใส่น้ำยาโพแทสเซียมไฮดรอกไซด์ชนิด 10% แล้วนำไปส่องตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าเป็นที่ซอกผิวหนัง หรือขอบเล็บ ทาด้วยครีมรักษาโรคเชื้อรา (เช่น โคลไตรมาโซล คีโทโคนาโซล) วันละ 2 ครั้ง นาน 2 สัปดาห์ ควรรักษาบริเวณนั้นให้แห้งและสะอาดอยู่เสมอ

2. ถ้าเล็บแยก ควรตัดเล็บส่วนนั้นออก แล้วใช้ยาทาตรงเล็บและเนื้อเยื่อใต้เล็บ

3. ถ้าไม่ได้ผล ให้กินยาฆ่าเชื้อรา (เช่น ไอทราโคนาโซล, ฟลูโคนาโซล) นาน 2-6 สัปดาห์

4. ในรายที่เป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง แพทย์จะตรวจหาสาเหตุ อาจมีภาวะผิดปกติของร่างกายอื่น ๆ (เช่น เอดส์ เบาหวาน)


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีผื่นรอยแดงแบบหนังถลอกบริเวณซอกผิวหนังที่มีเหงื่ออับชื้น (เช่น ซอกรักแร้ ขาหนีบ ใต้ราวนม สะดือ ซอกสะโพก ง่ามนิ้ว เป็นต้น หรือมีอาการบวมแดงที่ขอบเล็บและกดเจ็บ หรือมีอาการตกขาวและคัน ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคเชื้อราแคนดิดา ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยารักษาเชื้อรา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 1 สัปดาห์
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. พยายามทำความสะอาดซอกผิวหนัง อย่าให้มีเหงื่ออับชื้น และหลับอาบน้ำควรซับบริเวณซอกผิวหนังให้แห้ง และใช้แป้งโรย

2. อย่ากินยาปฏิชีวนะติดต่อกันนาน ๆ

3. ถ้าเป็นเบาหวาน ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ


ข้อแนะนำ

1. โรคเชื้อราแคนดิดาอาจพบในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้ป่วยเอดส์ เบาหวาน หรือกินยารักษามะเร็งเป็นประจำ เป็นต้น ถ้าพบผู้ที่เป็นโรคเชื้อราแคนดิดาเรื้อรัง ควรค้นหาสาเหตุและแก้ไข

2. หลีกเลี่ยงการซื้อยาครีมสเตียรอยด์ (แก้แพ้แก้คัน) หรือยาอื่นที่ไม่ใช่ยารักษาเชื้อราที่แพทย์หรือเภสัชกรแนะนำมาใช้เอง เนื่องเพราะครีมสเตียรอยด์อาจทำให้โรคลุกลามได้ ส่วนยาน้ำที่ทาแล้วที่รู้สึกแสบ ๆ อาจทำให้ผิวหนังไหม้และอักเสบได้

3.หากสงสัยโรคเชื้อราแคนดิดาที่เล็บ (ขอบเล็บแดง กดเจ็บ เล็บส่วนปลายแยกจากเนื้อเยื่อใต้เล็บ) ลองให้ยารักษาโรคเชื้อราแล้วไม่ได้ผล ควรสงสัยว่าอาจเป็นโรคโซริอาซิส (ดู "โซริอาซิส/โรคสะเก็ดเงิน/โรคเกล็ดเงิน" เพิ่มเติม)

12
9 ที่เที่ยวไทย ใกล้ MRT รถไฟฟ้า สายสีชมพู งบน้อยก็ไปได้!

หลังจาก รถไฟฟ้ามหานคร สายสีชมพู หรือ MRT สายสีชมพู ได้มีการเพิ่ม สถานีอิมแพ็ค เมืองทองธานี - สถานีทะเลสาบเมืองทองธานี จึงทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนนั้นง่าย สะดวก และประหยัดขึ้น วันนี้พวกเราเลยมามัดรวม 9 ที่เที่ยวใกล้ รถไฟฟ้าสายสีชมพู งบน้อยก็ไปได้! อัปเดต 2025 มาฝากกันค่ะ ใครที่เป็นสายประหยัด ชอบเที่ยวโดยใช้รถไฟฟ้า บอกได้เลยว่าห้ามพลาด เพราะไม่เพียงแต่ประหยัดงบ แต่ยังเดินทางสะดวกอีกด้วย

1. สถานีรามอินทรา 3 - สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน

      นอกจากการไปวัด ทำบุญ ปล่อยนก ปล่อยปลาแล้ว การให้อาหารสัตว์ ที่ สวนสัตว์เพื่อนเดรัจฉาน ก็ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง เพราะที่นี่คือ แหล่งรวมสัตว์ที่โดนทิ้ง ทั้งที่ทิ้งแบบชั่วคราวและทิ้งแบบถาวร ที่นี่จึงเป็นอีกสถานที่หนึ่ง ที่นอกจากจะไปชมนกชมไม้ ถ่ายรูปสัตว์หลากหลายสายพันธุ์แล้ว ยังสามารถให้อาหารสัตว์ แล้วก็ยังมีรูปสวยๆ ไปลงโซเชียลอีกด้วย บอกเลยว่า ได้ทั้งบุญ ได้ทั้งรูป!

    ✨ ที่อยู่ : 64 ถนนรามอินทรา แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม :  10.00-18.00 น (หยุดวันจันทร์)

2.  สถานีนพรัตน์ - สยามอะเมซิ่งพาร์ค

สยามอะเมซิ่งพาร์ค หรือที่เราเคยรู้จักกันในชื่อของ สวนสยาม ที่นี่มีเครื่องเล่นมากมายทั้งโซน สวนน้ำ และ เครื่องเล่น ที่นี่มีตั้งแต่สระว่ายน้ำรูปแบบต่างๆ ไปจนถึงรถไฟเหาะ เพื่อนๆ สามารถเลือกเล่นได้ตามใจชอบ รับรองว่า มาที่นี่ เสียว สนุก สุดเหวี่ยง แน่นอน!

      ใครที่อยาก ปลดปล่อยความเครียด หรือบางครั้งการทำงาน ก็ทำให้เราลืม Inner Child หรือ เด็กน้อยที่อยู่ในตัวของเราทุกคนไปบ้าง การไป สวนสนุก แบบนี้ ก็ถือเป็นกิจกรรมอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เราได้ย้อนวัย กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง

    ✨ ที่อยู่ : 203 ถนนสวนสยาม แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : 10.00-18.00 น.

3. สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี - อุทยานมกุฏรมยสราญ

รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี อุทยานมกุฏรมยสราญ

อุทยานมกุฏรมยสราญ สวนสาธารณะในกรุงเทพฯ ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนหย่อนใจ เดินเล่น ออกกำลังกาย หรือพาลูกเด็กเล็กแดงมาเล่นเครื่องเล่นต่างๆ เพราะที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสนามเด็กเล่น ลู่วิ่ง พื้นที่ที่สามารถออกกำลังกายได้ หรือปิกนิก ถ่ายรูปก็เหมาะมากๆ

    ✨ ที่อยู่ : ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกะสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : 04.00-21.00 น.
    🔗เว็บไซต์ : -

4. สถานีคู้บอน - ซาฟารีเวิลด์

ซาฟารีเวิลด์ เป็นสวนสัตว์เปิดที่มี 2 โซนคือ สวนสัตว์เปิด Safari Park และ Marine Park ภายในมีการแสดงของสัตว์ต่างๆ เช่น โชว์จากเหล่าปลาโลมา หรือสิงโตทะเล และสัตว์อื่นๆ อีกมากมายหลากหลายชนิด จะไปคนเดียว ไปกับเพื่อน หรือพาครอบครัวไปทำกิจกรรมร่วมกันก็ถือว่า เป็นอีกหนึ่งสถานที่ชิลๆ ได้ในวันหยุด

    🌟 ดูเพิ่มเติมที่ เที่ยวกรุงเทพ One Day Trip สวนสัตว์ ซาฟารีเวิลด์ Safari World ให้อาหารยีราฟ
    ✨ ที่อยู่ : 99 ถนนปัญญาอินทรา แขวงสามวาตะวันตก เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม :
    Safari Park : วันอังคาร - ศุกร์ เวลา 09.00-16.30 น. / วันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.
    Marine Park : วันอังคาร - ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. / วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00-17.30 น.
    🪙 ค่าเข้าชม :
    นักท่องเที่ยวไทย
    บัตรชุด (Safari Park & Marine Park): ผู้ใหญ่ 800 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 700 บาท
    บัตร Marine Park : ผู้ใหญ่ 650 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 550 บาท
    บัตร Safari Park : ผู้ใหญ่ 450 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 350 บาท, เด็กสูงไม่เกิน 100 ซม. เข้าฟรี!

    นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
    บัตรชุด (Safari Park & Marine Park) : ผู้ใหญ่ 1,500 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 1,400 บาท
    บัตร Marine Park : ผู้ใหญ่ 1,300 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 1,100 บาท
    บัตร Safari Park : ผู้ใหญ่ 1,000 บาท, เด็ก (สูง 100-140 ซม.) 900 บาท

‼️หมายเหตุ : ราคาบัตรเข้าชมอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ แนะนำให้ตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์ทางการของซาฟารีเวิลด์ก่อนนะคะ

5. สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี - Esplanade งามวงศ์วาน-แคราย

Esplanade งามวงศ์วาน-แคราย ถือเป็นอีกสถานที่หนึ่งที่เหมาะแก่การมา เดินช้อปปิ้งในวันหยุด ให้รางวัลตัวเองที่ทำงานหนักมาทั้งอาทิตย์ ไปที่นี่คือ ครบ จบในที่เดียว มี ร้านค้า หลากหลาย รวมถึง ร้านอาหารมากมาย ที่ทำให้เราอิ่มทั้งช้อป ทั้งอิ่ม ชิลแน่นอน!

    ✨ ที่อยู่ : ตำบลบางกระสอนนทบุรี อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : วันจันทร์ - ศุกร์ 10.30-22.00 น. / วันเสาร์ - อาทิตย์ 10.00-22.30 น.

6.  สถานีวงแหวนรามอินทรา - แฟชั่นไอส์แลนด์

แฟชั่นไอส์แลนด์ ถือเป็นอีกหนึ่ง ห้างสรรพสินค้าที่มีของแทบทุกอย่าง และถือว่าเป็นศูนย์การค้าที่ทำเลดีที่สุดในรามอินทรา ที่นี่มีทั้งหมด 4 ชั้น ในแต่ละชั้นก้จะมีร้านค้าปลีกแตกต่างกันไป ยังไม่พอ ชั้นล่างสุดยังเต็มไปด้วยร้านอาหาร ละลานตาสุดๆ สายช้อป สายชิล มาฟินเดินห้างวันหยุดได้เลย!

    ✨ ที่อยู่ : ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : 10.00-22.00 น.

7. สถานีหลักสี่ - ไอที สแควร์

      ใครที่ต้องการซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ และอุปกรณ์ไอที ต่างๆ ที่นี่มีจัดเต็มแบบครบเครื่อง แต่ที่นี่ไม่ได้เป็นสถานที่ที่ขายแค่อุปกรณ์ไอทีเท่านั้นนะ เพราะที่นี่มี โซน Foodland ที่เปิดตลอดเวลา มีทั้งร้านอาหารที่หลากหลายมาก ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ ไปจนถึงร้านอาหารดังที่ใครๆ ก็อยากตามมาลอง แถมที่นี่ยังเดินทางสะดวกอีกด้วย

    ✨ ที่อยู่ : 333 ถนนกำแพงเพชร 6 แขวงตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : 10.00-21.00 น.

8. สถานีวัชรพล - ตลาดนัดเลียบด่วน รามอินทรา

ตลาดนัดเลียบด่วน รามอินทรา เป็นหนึ่งใน ตลาดนัดกลางคืน ในกรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่กว้าง และได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ เพราะที่นี่มีของกินเพียบ มีร้านอาหารทั้งของคาวและของหวานที่ ครบครัน รับรองว่า ไปที่นี่ ต้องกลับบ้านพร้อมของกินเต็มไม้เต็มมือแน่นอน!

    ✨ ที่อยู่ : 9 ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : 17.00-02.00 น.

9. สถานีบางชัน - ท้าวเวสสุวรรณ วัดบางชัน

     นอกจากที่เที่ยวที่ได้กล่าวมาแล้ว มาปักหมุดพิกัดสายบุญกันบ้างที่ วัดบางชัน หรือ วัดราษฎร์ศรัทธาธรรม ซึ่งภายในวัดมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ท้าวเวสสุวรรณ หรือ พระพิฆเนศ และอื่นๆ ที่ สายมูห้ามพลาด! และที่นี่ยังขึ้นชื่อในเรื่องของ "แหล่งรวมท้าวเวสสุวรรณที่มากที่สุดในกรุงเทพฯ" ใครที่นับถือท้าวเวสสุวรรณ หรืออยากจะไหว้ ขอพรท่าน ต้องแวะไปที่นี่ด่วน!

    ✨ ที่อยู่ : 25 หมู่ 5 ถนนพระยาสุเรนทร์ แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กรุงเทพฯ
    ⏰ เปิดให้เข้าชม : สามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งวัน

13
ข้อมูลโรคไข้หวัด (Common cold/Upper respiratory tract infection/URI)

ไข้หวัด เป็นโรคที่พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ บางคนอาจเป็นปีละหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กเล็กที่เพิ่งฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก และเด็กที่เพิ่งเข้าโรงเรียนในปีแรก ๆ จะติดเชื้อจากเพื่อนในห้องป่วยเป็นไข้หวัดได้บ่อยมาก

โรคนี้สามารถติดต่อกันได้ง่ายโดยการอยู่ใกล้ชิดกัน จึงพบเป็นกันมากตามโรงเรียน โรงงาน และที่ที่มีคนอยู่รวมกลุ่มกันมาก ๆ และพบได้ตลอดทั้งปี มักจะพบมากในช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว หรือในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง

ไข้หวัดจัดว่าเป็นโรคที่ประชาชนสามารถดูแลตนเองได้ เนื่องเพราะมักมีอาการไม่รุนแรง และหายได้เองเป็นส่วนใหญ่ด้วยการปฏิบัติตัวและการรักษาตามอาการ

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อหวัด ซึ่งเป็นไวรัส (virus) มีอยู่มากกว่า 200 ชนิดจากกลุ่มไวรัสหลายกลุ่มด้วยกัน กลุ่มไวรัสที่สำคัญ ได้แก่ กลุ่มไวรัสไรโน (rhinovirus) ซึ่งมีมากกว่า 100 ชนิด นอกนั้นก็มีกลุ่มไวรัสโคโรนา (coronavirus) กลุ่มไวรัสอะดีโน (adenovirus) กลุ่มอาร์เอสวี (respiratory syncytial virus/RSV) กลุ่มไวรัสพาราอินฟลูเอนซา (parainfluenza virus) กลุ่มเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ (influenza virus) กลุ่มไวรัสเอนเทอโร (enterovirus) กลุ่มเชื้อเริม (herpes simplex virus) เป็นต้น แต่ละกลุ่มจะมีสายพันธุ์ย่อยหลายสายพันธุ์ เช่น ไวรัสโคโรนา มีสายพันธุ์เก่า 4 สายพันธุ์ ถึงปี 2563 มีสายพันธุ์ใหม่เกิดขึ้น 3 สายพันธุ์ รวมทั้งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคโควิด-19

การเกิดโรคขึ้นในแต่ละครั้งจะเกิดจากเชื้อหวัดเพียงชนิดเดียว เมื่อเป็นแล้วร่างกายก็จะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดนั้น ในการเจ็บป่วยครั้งใหม่ก็จะเกิดจากเชื้อหวัดชนิดใหม่ หมุนเวียนเช่นนี้ไปเรื่อย ๆ เมื่อมีอายุมากขึ้น ร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดชนิดต่าง ๆ มากขึ้น ก็จะป่วยเป็นไข้หวัดห่างขึ้น และมีอาการรุนแรงน้อยลงไป

เชื้อหวัดมีอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย ติดต่อโดยการหายใจสูดเอาฝอยละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอหรือจามรด เนื่องจากเป็นฝอยละอองที่มีขนาดใหญ่ (มากกว่า 5 ไมครอน) จึงกระจายออกไปได้ไม่ไกล คือภายในระยะไม่เกิน 1 เมตร จัดว่าเป็นการแพร่กระจายทางละอองเสมหะ (droplet transmission)

นอกจากนี้ เชื้อหวัดยังอาจติดต่อโดยการสัมผัส กล่าวคือ เชื้อหวัดอาจติดที่มือของผู้ป่วย สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ จาน ชาม ของเล่น หนังสือ โทรศัพท์ เป็นต้น) หรือสิ่งแวดล้อมที่เปื้อนถูกฝอยละอองของผู้ป่วย เมื่อคนปกติสัมผัสถูกมือของผู้ป่วยหรือสิ่งของเครื่องใช้ หรือสิ่งแวดล้อมที่แปดเปื้อนเชื้อหวัด เชื้อหวัดก็จะติดมือของคน ๆ นั้น และเมื่อใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะจมูก เชื้อก็จะเข้าสู่ร่างกายของคน ๆ นั้นจนกลายเป็นไข้หวัดได้

ระยะฟักตัว (ระยะตั้งแต่ผู้ป่วยรับเชื้อเข้าไปจนกระทั่งมีอาการเกิดขึ้น) 1-3 วัน


อาการ

มีไข้เป็นพัก ๆ ครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหนักศีรษะเล็กน้อย คอแห้งหรือเจ็บคอเล็กน้อย คัดจมูก จาม น้ำมูกไหล ซึ่งมักจะมีน้ำมูกมากใน 2-3 วันแรก

น้ำมูกมีลักษณะใส บางรายหลังมีน้ำมูกใสได้ 2-3 วันน้ำมูกอาจมีลักษณะข้นขาว หรือเป็นสีเหลืองหรือสีเขียว ซึ่งมักพบในช่วงหลังตื่นนอนตอนเช้า เนื่องจากเป็นน้ำมูกที่ค้างอยู่ในจมูกเป็นเวลานาน ตอนสาย ๆ ก็มักจะกลับกลายเป็นใส

ต่อมาอาจมีอาการไอแห้ง ๆ หรือไอมีเสมหะเล็กน้อย ลักษณะสีขาว บางครั้งอาจทำให้รู้สึกเจ็บบริเวณลิ้นปี่เวลาไอ ในเด็กเล็กอาจมีอาการอาเจียนเวลาไอ

ในผู้ใหญ่อาจไม่มีไข้ มีเพียงคัดจมูก น้ำมูกไหล

ในเด็กมักจับไข้ขึ้นมาทันทีทันใด บางครั้งอาจมีไข้สูงและชัก ในทารกอาจมีอาการอาเจียน หรือท้องเดินร่วมด้วย

ในรายที่มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผู้ป่วยจะมีไข้ติดต่อกันนานเกิน 4 วัน หรือมีอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหล ติดต่อกันนานเกิน 10 วัน

ภาวะแทรกซ้อน

มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ทำให้มีไข้ หรือเป็นหวัดเรื้อรังนานกว่าปกติ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ดังนี้

    หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน มักพบในเด็กเล็กมากกว่าผู้ใหญ่ ผู้ป่วยจะมีอาการไข้สูง ปวดหูมาก ในทารกจะมีอาการร้องงอแง เอามือดึงใบหูตัวเอง
    ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน มีอาการไข้ ปวดหน่วง ๆ ที่หน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม มักมีน้ำมูกข้นเหลืองหรือเขียวมีกลิ่นเหม็น
    ทอนซิลอักเสบเฉียบพลัน มีอาการเจ็บคอมาก กลืนลำบาก ตรวจพบทอนซิลบวมแดง เป็นหนอง
    กล่องเสียงอักเสบ มีอาการเสียงแหบ
    หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน มีอาการไอบ่อย มีเสลดที่ขึ้นมาจากหลอดลม
    หูชั้นในอักเสบเฉียบพลัน มีอาการวิงเวียน เห็นบ้านหมุน คลื่นไส้ อาเจียน
    โรคหืดกำเริบ มีอาการหายใจหอบ หายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ
    ปอดอักเสบ มีไข้สูง หนาวสั่น เจ็บหน้าอก หายใจหอบ หรือหายใจเร็ว

โรคแทรกซ้อนที่รุนแรงมักเกิดในผู้ป่วยที่ไม่ได้พักผ่อน ตรากตรำงานหนัก ร่างกายอ่อนแอ (เช่น ขาดอาหาร เป็นต้น) ในทารก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ที่สูบบุหรี่ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกายเป็นหลัก ซึ่งมีสิ่งตรวจพบดังนี้

มักตรวจพบไข้ น้ำมูก เยื่อจมูกบวมและแดง คอแดงเล็กน้อย ในเด็กอาจพบทอนซิลโต แต่ไม่แดงมากและไม่มีหนอง

ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อนหรือสงสัยว่าอาจเกิดจากสาเหตุอื่น (เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด-19 ไข้เลือดออก) แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น ตรวจเลือด นำน้ำมูกหรือเสมหะไปตรวจหาเชื้อ เอกซเรย์ เป็นต้น

การรักษาโดยแพทย์

นอกจากแนะนำการปฏิบัติตัวสำหรับผู้ป่วยแล้ว แพทย์จะให้การดูแลรักษาดังนี้

1. ให้ยารักษาตามอาการ ดังนี้

(1.1) สำหรับผู้ใหญ่ และเด็กอายุมากกว่า 6 ปี

    ถ้ามีไข้ ให้ยาลดไข้-พาราเซตามอล
    ถ้ามีอาการน้ำมูกไหล ใช้กระดาษทิชชูเช็ดออก ไม่จำเป็นต้องใช้ยา ยกเว้นในรายที่มีน้ำมูกมากหรือจามมากจนทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก รู้สึกเหนื่อย หรือไม่สุขสบายอย่างมาก ให้กินยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนิรามีน บรรเทาอาการเท่าที่จำเป็น โดยให้กินครั้งละ ½-1 เม็ด ถ้าไม่ทุเลาซ้ำได้ทุก 6 ชั่วโมง ถ้าทุเลาแล้วให้หยุดยา*
    ถ้ามีอาการไอ จิบน้ำอุ่น น้ำมะนาว หรือน้ำขิงอุ่น ๆ หรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว** (น้ำผึ้ง 4 ส่วน น้ำมะนาว 1 ส่วน) บ่อย ๆ ถ้าไอมากลักษณะไอแห้ง ๆ ไม่มีเสมหะ ให้ยาระงับการไอ

(1.2) สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี

    ถ้ามีไข้ ให้พาราเซตามอลชนิดน้ำเชื่อม
    ถ้ามีน้ำมูกมาก ให้ใช้ลูกยางเบอร์ 2 ดูดน้ำมูกออกบ่อย ๆ (ถ้าน้ำมูกข้นเหนียว ควรใช้น้ำเกลือหยอดในจมูกก่อน) หรือใช้กระดาษทิชชูพันเป็นแท่ง สอดเข้าไปเช็ดน้ำมูก (ถ้าน้ำมูกข้นเหนียว ควรชุบน้ำสุก หรือน้ำเกลือพอชุ่มก่อน) แพทย์จะไม่ให้ยาแก้แพ้ลดน้ำมูก เนื่องเพราะมีผลเสีย (ผลข้างเคียงจากยา) มากกว่าประโยชน์ในการรักษาโรค
    ถ้ามีอาการไอ จิบน้ำอุ่นมาก ๆ หรือจิบน้ำผึ้งผสมมะนาว** ถ้ามีอาการอาเจียนเวลาไอ ไม่จำเป็นต้องให้ยาแก้อาเจียน แนะนำให้ป้อนนมและอาหารทีละน้อย แต่บ่อยครั้งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนจะเข้านอน

2. ยาปฏิชีวนะไม่จำเป็นต้องให้ เพราะนอกจากไม่ได้มีผลต่อการฆ่าเชื้อหวัดซึ่งเป็นไวรัส ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงหลายอย่างตามมาได้

แพทย์จะพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ (เช่น อะม็อกซีซิลลิน, โคอะม็อกซิคลาฟ, อีริโทรไมซิน, ร็อกซิโทรไมซิน เป็นต้น) ในรายที่มีอาการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น หูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน ไซนัสอักเสบเฉียบพลัน หลอดลมอักเสบเฉียบพลัน เป็นต้น

3. ถ้าไอมีเสมหะเหนียว ให้งดยาแก้แพ้ลดน้ำมูกและยาระงับการไอ และให้ดื่มน้ำมาก ๆ วันละประมาณ 8-12 แก้ว (2-3 ลิตร)

4. ถ้ามีอาการหอบ หรือนับการหายใจได้เร็วกว่าปกติ (เด็ก อายุ 0-2 เดือนหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปีหายใจมากกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ปีหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที) หรือมีไข้นานเกิน 4 วัน อาจเป็นปอดอักเสบหรือภาวะรุนแรงอื่น ๆ ได้ อาจต้องเอกซเรย์ ตรวจเลือด ตรวจเสมหะ เป็นต้น แล้วทำการรักษาตามสาเหตุที่พบ

5. ถ้าสงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ หรือโควิด-19 แพทย์จะทำการตรวจหาเชื้อในจมูกหรือคอหอย และให้การดูแลรักษาตามสาเหตุที่พบ

6. ถ้าสงสัยเป็นไข้หวัดนก เช่น มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกที่ป่วยหรือตายภายใน 7 วัน หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของไข้หวัดนกภายใน 14 วัน แพทย์จะทำการตรวจเพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัย ถ้าเป็นจริงก็จะรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล

ผลการรักษา ส่วนใหญ่ให้การรักษาตามอาการ มักหายได้ภายใน 7-10 วัน ส่วนน้อยที่อาจมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ซึ่งเมื่อให้ยาปฏิชีวนะรักษาก็หายได้ภายใน 1-2 สัปดาห์ มีน้อยรายที่อาจเป็นปอดอักเสบ ซึ่งจำเป็นต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล

*ยาแก้แพ้มีฤทธิ์ในการลดน้ำมูกในผู้ที่เป็นไข้หวัด ใช้เพียงเพื่อบรรเทาอาการให้สุขสบายเท่านั้น ไม่ได้ช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น เนื่องจากยานี้อาจมีผลข้างเคียงได้หลายอย่าง จึงควรใช้บรรเทาอาการเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี (นอกจากไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการแล้ว ยังอาจเกิดโทษได้อีกด้วย) ผู้ที่เป็นต้อหิน โรคลมชัก โรคหืด หรือต่อมลูกหมากโต (มีอาการปัสสาวะลำบาก) ก็ไม่ควรใช้ยานี้เพราะอาจมีผลข้างเคียงทำให้โรคเหล่านี้กำเริบได้

**ควรหลีกเลี่ยงการให้น้ำผึ้งแก่ทารกอายุต่ำกว่า 1 ปี เพื่อป้องกันการเกิดโรคโบทูลิซึม

การดูแลตนเอง

1. ถ้ามีอาการเพียงเล็กน้อย ซึ่งมั่นใจว่าเป็นไข้หวัดที่ไม่รุนแรง ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    พักผ่อนมาก ๆ ห้ามตรากตรำงานหนักหรือออกกำลังกายมากเกินไป
    สวมใส่เสื้อผ้าให้ร่างกายอบอุ่น อย่าถูกฝน หรือถูกอากาศเย็นจัด และอย่าอาบน้ำเย็น
    ดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อช่วยลดไข้ และทดแทนน้ำที่เสียไปเนื่องจากไข้สูง
    ควรกินอาหารอ่อน น้ำข้าว น้ำหวาน น้ำส้ม น้ำผลไม้ หรือเครื่องดื่มร้อน ๆ
    ใช้ผ้าชุบน้ำ (ควรใช้น้ำอุ่น หรือน้ำก๊อกธรรมดา อย่าใช้น้ำเย็นจัดหรือน้ำแข็ง) เช็ดตัวเวลามีไข้สูง
    งดสูบบุหรี่หรือหลีกเลี่ยงการสัมผัสควันบุหรี่
    ถ้ามีไข้สูง กินยาลดไข้-พาราเซตามอล (ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 19 ปี ควรหลีกเลี่ยงการใช้แอสไพริน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรย์ซินโดรม)
    ถ้ามีน้ำมูกมาก สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 6 ปี ให้ใช้ลูกยางดูด หรือใช้กระดาษเช็ดออก

สำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุมากกว่า 6 ปี ใช้กระดาษเช็ดออก ถ้ามีน้ำมูกมากหรือจามมากจนทำให้รู้สึกหายใจไม่สะดวก รู้สึกเหนื่อย หรือไม่สุขสบายอย่างมาก ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรถึงความจำเป็นและความปลอดภัยในการใช้ยาแก้แพ้ลดน้ำมูกบรรเทาอาการ

    ถ้าไอเล็กน้อย ให้จิบน้ำอุ่น น้ำมะนาว หรือน้ำขิงอุ่น ๆ บ่อย ๆ ถ้าไอมาก ให้จิบน้ำผึ้งผสมมะนาว (ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี) หรือยาแก้ไอมะขามป้อม หรืออมยาอมมะแว้ง (ยกเว้นเด็กเล็ก) ถ้าไอมีเสมหะเหนียว ควรดื่มน้ำมาก ๆ
    ควรปรึกษาแพทย์ ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    -    พบอาการไข้หรือไข้หวัดในทารกอายุต่ำกว่า 3 เดือน
    -    ทารกมีไข้ ร่วมกับร้องกวนงอแงมาก หรือเอามือดึงใบหูตัวเอง หรือมีไข้ขึ้นสูงกว่าวันแรก ๆ 
    -    มีไข้สูงตลอดเวลา หรือมีไข้เป็นพัก ๆ ทุกวันติดต่อกันนานเกิน 4 วัน หรือมีอาการหนาวสั่นร่วมด้วย หรือหลังจากไข้หายแล้วไม่นานกลับมีไข้กำเริบใหม่
    -    ปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ปวดเมื่อยตามตัวมาก นอนซม หรือซึมมาก
    -    ปวดหูมาก เจ็บหน้าอกมาก เจ็บคอมาก กลืนลำบาก หรือกินอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อย
    -    มีอาการปวดและกดเจ็บที่หน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม 
    -    มีน้ำมูกหรือเสมหะเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น
    -    หายใจหอบ หรือเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปีหายใจเร็วกว่าปกติ (เด็กอายุ 0-2 เดือนหายใจมากกว่า 60 ครั้ง/นาที อายุ 2 เดือนถึง 1 ปีหายใจมากกว่า 50 ครั้ง/นาที อายุ 1-5 ปีหายใจมากกว่า 40 ครั้ง/นาที) 
    -    มีอาการหอบหืดกำเริบ หรือหายใจมีเสียงดังวี้ด ๆ
    -    มีอาการเป็นหวัดคัดจมูก น้ำมูกไหล เป็นเวลานานเกิน 10 วัน
    -    มีอาการไอนานเกิน 14 วัน หรือไอมีเสลดข้นเหลืองหรือเขียว
    -    มีอาการอ่อนเพลีย เบื่ออาหาร หรือน้ำหนักลด
    -    สงสัยเป็นไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก โรคโควิด-19 ไข้เลือดออก หรือไข้จากสาเหตุร้ายแรงอื่น ๆ
    -    มีประวัติการแพ้ยา หรือหลังกินยามีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ
    -    มีความวิตกกังวลหรือไม่มั่นใจที่จะดูแลตนเอง

2. ถ้าสงสัยว่ามีอาการรุนแรง หรือไม่มั่นใจที่ดูแลตนเองตั้งแต่แรก ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นไข้หวัด ควรดูแลตนเองดังนี้

    กินยาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
    -    หายใจหอบ/หายใจมีเสียงดังวี้ด หรือเจ็บหน้าอกมาก
    -    ไอเป็นเลือด หรือน้ำหนักลด
    -    ปวดหูมาก เจ็บหน้าอกมาก เจ็บคอมาก กลืนลำบาก หรือกินอาหารหรือดื่มน้ำได้น้อย
    -    มีอาการปวดและกดเจ็บตรงหน้าผาก หัวตา หรือโหนกแก้ม 
    -    มีน้ำมูกหรือเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว และมีกลิ่นเหม็น
    -    มีอาการไข้นานเกิน 4 วัน มีน้ำมูกนานเกิน 10 วัน ไอมีเสมหะข้นเหลืองหรือเขียว หรือไอนานเกิน 14 วัน
    -    ในกรณีที่แพทย์ให้กินยาปฏิชีวนะ ถ้ากินไป 4 วันยังไม่ทุเลา หรือทำยาหาย
    -    มีอาการที่สงสัยว่าแพ้ยา เช่น ลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เป็นต้น

การป้องกัน

1. หมั่นดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงโดยการออกกำลังกาย กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ อย่าตรากตรำงานหนักเกินไป ระวังรักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเวลาที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ควรอาบน้ำหรือสระผมด้วยน้ำที่เย็นเกินไป โดยเฉพาะในเวลาที่มีอากาศเย็น

2. ในช่วงที่มีการระบาดของโรคนี้ หรือมีคนใกล้ชิดป่วยเป็นไข้หวัด ควรปฏิบัติดังนี้

    ในช่วงที่มีการระบาด ควรหลีกเลี่ยงการเข้าไปในที่ที่มีผู้คนแออัด เช่น สถานบันเทิง ห้างสรรพสินค้า งานมหรสพ เป็นต้น ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ควรสวมหน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์เพื่อกำจัดเชื้อโรคที่อาจติดมาจากการสัมผัสถูกเสมหะผู้ป่วย และอย่าใช้นิ้วมือขยี้ตาหรือแคะไชจมูก
    อย่าเข้าใกล้หรือนอนรวมกับผู้ป่วย ถ้าจำเป็นต้องดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ควรสวมหน้ากากอนามัยและหมั่นล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือชโลมมือด้วยเจลแอลกอฮอล์
    อย่าใช้สิ่งของเครื่องใช้ (เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ เครื่องใช้ โทรศัพท์ ของเล่น เป็นต้น) ร่วมกับผู้ป่วย และควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสมือผู้ป่วย
    ผู้ป่วยควรแยกตัวออกห่างจากผู้อื่น อย่านอนปะปนหรือคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้อื่น เวลาไอหรือจามควรใช้ผ้าปิดปากและจมูก เวลาเข้าไปในที่ที่มีคนอยู่กันมาก ๆ ควรสวมหน้ากากอนามัย

ข้อแนะนำ

1. ในปัจจุบันยังไม่มียาที่ใช้รักษาและป้องกันไข้หวัดอย่างได้ผล การรักษาอยู่ที่การพักผ่อนและการปฏิบัติตัวของผู้ป่วยเป็นสำคัญ ยาที่ใช้ก็เป็นเพียงยาที่รักษาตามอาการเท่านั้น

ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดจากไวรัสส่วนใหญ่มักจะหายได้เองด้วยกลไกธรรมชาติของร่างกาย และหายตามระยะของโรค โดยทั่วไป อาการตัวร้อนมักจะเป็นอยู่ประมาณ 3-4 วัน และอาการเป็นหวัด น้ำมูกไหลมักเป็นอยู่นาน 7-10 วัน ถ้ามีไข้เกิน 4 วัน หรือเป็นหวัดน้ำมูกไหลเกิน 10 วัน มักแสดงว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน หรืออาจเกิดจากโรคอื่น ๆ

ผู้ป่วยบางรายถึงแม้จะหายตัวร้อนแล้ว แต่ก็อาจมีน้ำมูกและไอต่อไปได้ บางรายอาจไอโครก ๆ อยู่เรื่อย อาจนานถึง 7-8 สัปดาห์ เนื่องจากเยื่อบุทางเดินหายใจถูกทำลายชั่วคราว ทำให้ไวต่อสิ่งระคายเคือง (เช่น ฝุ่น ควัน) มักจะเป็นลักษณะไอแห้ง ๆ หรือมีเสมหะเล็กน้อยเป็นสีขาว ถ้าพบว่าผู้ป่วยไม่มีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยก็ไม่ต้องให้ยาอะไรทั้งสิ้น ให้ดื่มน้ำอุ่นมาก ๆ (ควรงดดื่มน้ำเย็น ถ้าดื่มแล้วทำให้ไอมากขึ้น)

2. ไม่จำเป็นต้องให้ยาปฏิชีวนะ (ซึ่งชาวบ้านทั่วไปเข้าใจว่าเป็นยาแก้อักเสบ) แก่ผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัดทุกราย ยกเว้นในรายที่แพทย์วินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียที่จำเป็นต้องใช้ยาชนิดนี้เท่านั้น

การใช้ยาปฏิชีวนะสำหรับไข้หวัดจากไวรัสไม่ได้ช่วยให้โรคหายไว หรือป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมา ที่สำคัญ การใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อเกินจำเป็น อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง (เช่น ท้องเดิน จุกแน่นท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ปากเปื่อย ลิ้นเปื่อย) แพ้ยา และอาจก่อโทษต่อร่างกาย เช่น ทำให้เชื้อโรคดื้อยา ทำลายเชื้อจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในร่างกาย ทำให้มีการติดเชื้อแทรกซ้อน (เช่น ลิ้นเป็นโรคเชื้อรา ตกขาวจากเชื้อรา โรคท้องเดินชนิดรุนแรง เป็นต้น)

3. ผู้ที่เป็นไข้หวัด (ซึ่งมีอาการตัวร้อนร่วมด้วย) เรื้อรังหรือเป็น ๆ หาย ๆ บ่อย อาจมีสาเหตุอื่นร่วมด้วย เช่น โรคหัวใจรั่วมาแต่กำเนิด ทาลัสซีเมีย โรคโลหิตจางอะพลาสติก โรคขาดอาหาร เป็นต้น จึงควรตรวจดูว่ามีสาเหตุเหล่านี้ร่วมด้วยหรือไม่

นอกจากนี้ยังเกิดจากร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำ ซึ่งอาจเกิดจากการนอนหลับพักผ่อนไม่พอ มีจิตใจเครียด หรือขาดการออกกำลังกาย หากพบว่าเกิดจากสิ่งเหล่านี้ ก็ควรแก้ไขให้ร่างกายแข็งแรง

4. เด็กเล็กที่เพิ่งฝากเลี้ยงในสถานรับเลี้ยงเด็ก หรือเข้าโรงเรียนในช่วง 3-4 เดือนแรก อาจเป็นไข้หวัดได้บ่อย เพราะติดเชื้อหวัดหลากชนิดจากเด็กคนอื่น ๆ สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเรื่อย ๆ

เด็กที่เป็นไข้หวัดบ่อย แพทย์จะตรวจร่างกายอย่างถี่ถ้วน ถ้าไม่พบมีความผิดปกติ และเด็กมีพัฒนาการดี ก็จะอธิบายให้พ่อแม่เด็กเข้าใจ และแนะนำให้มียาลดไข้พาราเซตามอลไว้ประจำบ้านให้เด็กกินเวลาตัวร้อน ส่วนยาอื่น ๆ ไม่จำเป็นต้องให้ ควรดูแลเรื่องอาหารการกิน หมั่นชั่งน้ำหนักตัว พอพ้น 3-4 เดือน อาการก็จะเป็นห่างไปเอง เนื่องจากร่างกายเริ่มมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อหวัดมากชนิดแล้ว

5. ผู้ที่เป็นหวัดโดยไม่มีไข้ โดยมีน้ำมูกใสและจามบ่อย มักเกิดจากการแพ้อากาศ แพ้ฝุ่น หรือละอองเกสร มากกว่าที่จะเกิดจากการติดเชื้อไวรัส (ดู "หวัดภูมิแพ้")

6. ผู้ที่มีอาการไข้และมีน้ำมูก แต่ตัวร้อนจัดตลอดเวลา กินยาลดไข้ก็ไม่ค่อยทุเลา มักจะไม่ใช่เป็นไข้หวัดธรรมดา แต่อาจมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น หัด ปอดอักเสบ หรือทอนซิลอักเสบ แพทย์จะตรวจดูอาการของโรคเหล่านี้อย่างละเอียด

นอกจากนี้ยังมีโรคติดเชื้ออื่น ๆ อีกหลายชนิด ที่ในระยะแรกอาจแสดงอาการคล้ายไข้หวัดได้ เช่น ไข้เลือดออก ไอกรน คอตีบ โปลิโอ ตับอักเสบจากไวรัส ไทฟอยด์ สมองอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ เป็นต้น จึงควรติดตามดูอาการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด ถ้าพบว่ามีไข้นานเกิน 4 วัน หรือมีอาการผิดไปจากไข้หวัดธรรมดา ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

7. อย่าซื้อหรือใช้ยาชุดแก้หวัดที่มียาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์ผสมอยู่ด้วย นอกจากจะไม่จำเป็นแล้วยังอาจมีอันตรายได้

8. เมื่อเป็นหวัด ควรหลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูก เพราะอาจทำให้เชื้อลุกลามเข้าหูและโพรงไซนัส ทำให้เกิดการอักเสบแทรกซ้อนได้

9. สำหรับเด็กเล็ก อย่าซื้อยาแก้หวัดแก้ไอสูตรผสมต่าง ๆ กินเอง เพราะอาจมีตัวยาเกินความจำเป็น จนอาจเกิดพิษได้ แม้แต่ยาแก้แพ้ แก้หวัด นอกจากจะไม่มีประโยชน์เท่าที่ควรแล้ว ยังอาจมีผลข้างเคียงต่อเด็กเล็กได้ ในการรักษากันเองเบื้องต้น ควรใช้ยาลดไข้พาราเซตามอลเพียงชนิดเดียวจะปลอดภัยกว่า

10. ถ้าอยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของโรคโควิด-19 หรือมีประวัติสัมผัสผู้ป่วยโรคนี้ หากมีอาการที่สงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ (เช่น ไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ น้ำมูกไหล ไอ ท้องเดิน หายใจเหนื่อยหอบ) หรือทำการตรวจหาเชื้อด้วยชุดตรวจแอนติเจน (ATK) ด้วยตนเองให้ผลเป็นบวก ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

14
จัดฟันบางนา: ทำไมผู้ที่จัดฟันแบบใส ไม่ควรดื่มชา และกาแฟ

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในหมู่ดารา นักแสดง รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟันเพียงเล็กน้อยถึงปานกลาง มักจะนิยมเข้ารับการจัดฟันแบบใส เพราะด้วยความที่สามารถถอดเครื่องมือจัดฟันได้ จึงมีความสะดวกมากกว่าการจัดฟันแบบทั่วไป ที่มีเครื่องมือการจัดฟัน เป็นเหล็กอยู่ภายในช่องปากตลอดเวลา สำหรับการจัดฟันแบบใสนั้น

ทันตแพทย์จะทำการวิเคราะห์โครงสร้างของฟันในช่องปากของผู้เข้ารับการรักษา แล้วใช้เครื่องมือสร้างแบบครอบฟันด้วยนวัตกรรมระบบคอมพิวเตอร์เป็นแบบเสมือนกับฟัน ซึ่งจะเป็นออกแบบเครื่องมือในแบบ 3D โดยจะมีลักษณะเป็นแผ่นโพลิเมอร์ใสๆ บางๆ เมื่อสวมใส่เข้าไปจะรู้สึกกระชับ และเมื่อใส่เข้าไปแล้วถ้าไม่สังเกตก็แทบจะมองไม่เห็นเลย โดยเครื่องมือแบบใส ทันตแพทย์จะทำการเปลี่ยนให้กับผู้เข้ารับการรักษาทุกๆ 2 – 3 สัปดาห์ แล้วแต่กรณี ขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพฟันด้วย ซึ่งเครื่องมือการจัดฟันนี้ ทันตแพทย์จะออกแบบมาให้เหมาะกับสภาพฟันของแต่ละบุคคล ซึ่งสภาพฟันของแต่ละบุคคลย่อมแตกต่างกันอยู่แล้ว

เป็นที่ทราบกันดีว่า ในการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะสามารถถอดเครื่องมือการจัดฟันได้ ซึ่งการที่ถอดเครื่องมือการจัฟันได้นี่เอง จึงทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลาย โดยไม่ต้องกังวลว่า เครื่องมือจัดฟันจะหลุดในระหว่างรับประทานอาหาร และไม่ทำให้รู้สึกเจ็บปวดขณะรับประทานอาหารด้วย และเมื่อรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถใส่เครื่องมือกลับเข้าไปได้เหมือนเดิม และการถอดและสวมใส่เครื่องมือ ก็สามารถทำได้ง่าย ไม่ต้องออกแรงงัดเครื่องมือแรงๆ และขอบของเครื่องมือทีขอบที่เรียบทำให้ไม่บาดเหงือกหรือกระพุ้งแก้ม เหมือนกับการใส่เหล็กจัดฟันแบบทั่วไป


ดังนั้นการสวมใส่เครื่องมือที่ง่าย และสามารถถอดได้ง่ายนั้น จึงทำให้สะดวกและบางครั้ง อาจจะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาเผลอลืมใส่เครื่องมือกลับเข้าไป หลังจากที่รับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว การใส่เครื่องมือการจัดฟันแบบใส ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยมากๆในการใส่เครื่องมือ เพราะการใส่เครื่องมือนั้น ส่งผลต่อผลการรักษาโดยตรง ผู้เข้ารับการรักษาควรใส่เครื่องมืออย่างน้อยวันละ 20-22 ชั่วโมงต่อวัน ตามคำแนะนำของทันตแพทย์ หากไม่ใส่เครื่องมือตามที่ทันตแพทย์สั่ง อาจจะทำให้ผลการรักษาคลาดเคลื่อนและเห็นผลการรักษาได้ช้าด้วย ดังนั้นผู้เข้ารับการรักษาจะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือจัดฟัน เพื่อผลการรักษาที่ดี

นอกจากการรับประทานอาหารที่ผู้เข้ารับการรักษาสามารถรับประทานอาหารได้อย่างหลากหลายแล้ว การดื่มเครื่องดื่มก็ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะการดื่มเครื่องดื่ม ผู้เข้ารับการรักษาจะต้องถอดเครื่องมือการจัดฟันออกเช่นกัน ยกเว้นดื่มน้ำเปล่าที่ไม่ต้องถอดเครื่องมือ ซึ่งข้อปฏิบัติข้อนี้อาจจะส่งผลต่อผู้ที่ชอบดื่มกาแฟตลอดทั้งวัน หรือผู้ที่ต้องดื่มชาในระหว่างวัน ซึ่งการดื่ม ชาหรือกาแฟนั้น จะส่งผลให้เครื่องมือจัดฟันเปลี่ยนสี

เพราะฉะนั้น ผู้เข้ารับการจัดฟันแบบใส ควรดื่มน้ำเปล่าเป็นหลัก ควรจะงดเครื่องดื่มที่มีสีที่จะส่งผลให้เครื่องมือเกิดคราบและเปลี่ยนสี เช่น ชา กาปฟ หรือน้ำอัดลม เพราะเครื่องดื่มที่กล่าวมานั้น จะทำให้เกิดคราบที่ผิวฟันและเครื่องมือจัดฟัน ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่จะทำให้ผู้เข้ารับการรักษาสูญเสียเงินเพิ่มและอาจจะสูญเสียฟันด้วยเนื่องจากฟันผุ อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มที่มีความร้อน ก็ส่งผลต่อเครื่องมือเช่นกัน อาจจะทำให้เครื่องมือบิดเบี้ยวได้ เนื่องจากความร้อนนั่นเอง

ทั้งนี้ผู้เข้ารับการรักษา ควรที่จะทำความสะอาดเครื่องมือจัดฟันแบบใสให้มีความสะอาดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดคราบและการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย โดยวิธีทำความสะอาดนั้นเพียงแค่ใช้น้ำสบู่ล้าง ไม่ควรใช้ยาสีฟันถูเพราะจะทำให้เครื่องมือจัดฟันขุ่น และไม่ควรใช้แปรงสีฟันขัดเครื่องมือ เพราะจะทำให้เกิดรอยบนเครื่องมือได้ เพราะฉะนั้น นี่คือเป็นสาเหตุที่ผู้เข้ารับการรักษาไม่ควรดื่ม เครื่องดื่มประเภท ชา กาแฟ เพราะจะทำให้เกิดคราบและส่งผลให้เครื่องมือเปลี่ยนสี รวมไปถึงยังส่งผลต่อสุขภาพช่องปากอีกด้วย

15
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)
ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”
‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


หน้า: [1] 2 3 ... 39





























































อยากขายของดี
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
ขายสินค้าไม่สต๊อกสินค้า
เริ่มขายของออนไลน์
รับทำ seo ด่วน
smf โพสฟรี
smf ขายของออนไลน์อะไรดี
smf โพสฟรี
แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์ โพสฟรี
โพสฟรีแคปชั่นโพสขายของยังไงให้ปัง
smf แคปชั่นแม่ค้าออนไลน์
ขายของให้ออร์เดอร์เข้ารัว ๆ
smf โพสต์เรียกลูกค้า
โพสต์เรียกลูกค้าโพสฟรี
smf ขายของออนไลน์ให้ปัง
smf โพสต์ขายของ
smf เขียนโพสขายของโดนๆ
แคปชั่นเปิดร้าน โพสฟรี
smf วิธีโพสขายของให้น่าสนใจ
วิธีเพิ่มยอดขาย โพสฟรี
smf เทคนิคเพิ่มยอดขาย
ขายของออนไลน์ยังไงให้มีคนซื้อ
smf เริ่มต้นขายของออนไลน์
ไอ เดีย การขายของออนไลน์
เว็บขายของออนไลน์
เริ่ม ขายของออนไลน์ โพสฟรี
อยากขายของออนไลน์ smf
โพสขายของยังไงให้มีคนซื้อ
smf โพสขายของแบบไหนดี
smf ขายของออนไลน์ที่ไหนดี
เทคนิคการโพสต์ขายของ
smf โพสต์ขายของให้ยอดขายปัง
โพสต์ขายของให้ยอดขายปังโพสฟรี
smf ขายของในกลุ่มซื้อขายสินค้า
ไม่รู้จะขายอะไรดี

เพิ่มยอดขายให้เข้าเป้า
โปรโมทผลักดันยอดขาย
โปรโมทแผนการเพิ่มยอดขายให้ได้ผล
โปรโมทวิธีการวางแผนการเพิ่มยอดขาย
มีลูกค้าเพิ่ม - YouTube
ผลักดันยอดขายโปรโมทฟรี
ประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศเพิ่มยอดขาย
ฝากร้านฟรีเพิ่มยอดขาย
ลงประกาศฟรีใหม่ ๆ เพิ่มยอดขาย
เว็บประกาศฟรีเพิ่มยอดขาย
Post ฟรี
ประกาศขายของฟรี
ประกาศฟรี
โพส SEO
ลงโฆษณาฟรี
โปรโมทเพจร้านค้า
โปรโมทกระตุ้นยอดขาย
โปรโมทฟรีออนไลน์กระตุ้นยอดขาย
โพสกระตุ้นยอดขาย
วิธีกระตุ้นยอดขาย เซลล์
วิธีแก้ปัญหายอดขายตก
เริ่มต้นขายของ
แหล่งรับของมาขายออนไลน์
ขายของออนไลน์อะไรดี
อยากขายของออนไลน์
ยอดขายไม่ดีควรทำอย่างไร
ยอดขายตกเกิดจากอะไร
ทำไมต้องเพิ่มยอดขาย
ขายฟรี
ยอดการขาย คืออะไร
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
โพสฟรีการกระตุ้นยอดขาย
เว็บบอร์ดฟรี
โปรโมทฟรี

กลยุทธ์การหาลูกค้าใหม่
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
วิธีการหาลูกค้าของ sale
ทำ SEO ติด Google
ต้องการขาย
ปล่อยเช่า บ้าน คอนโด ที่ดิน
ขายบ้าน คอนโด ที่ดิน
ประกาศฟรี ไม่มี หมดอายุ
เว็บประกาศฟรี ติดอันดับ
ฝากร้านฟรี โพ ส ฟรี
ลงประกาศฟรี กรุงเทพ
ลงประกาศฟรี ทั่วไทย
ลงประกาศโฆษณาฟรี
ลงประกาศฟรี 2023
รวมเว็บลงประกาศฟรี
วิธีหาลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย
การหาลูกค้าใหม่ รักษาลูกค้าเก่า
ช่องทางการเข้าถึงลูกค้า
เพิ่มฐานลูกค้าใหม่
รวมเว็บลงประกาศฟรี ล่าสุด
รวมเว็บประกาศฟรี
โพสต์ขายของฟรี
ลงโฆษณาสินค้าฟรี
โฆษณาฟรี
ประกาศฟรี
เว็บฟรีไม่จำกัด
ลงประกาศขาย
เว็บฟรียอดนิยม
โพสโฆษณา
ประกาศขายของ
ประกาศหางาน
บริการ แนะนำเว็บ
ลงประกาศ
รวมเว็บประกาศฟรี
รวมเว็บซื้อขาย ใช้งานง่าย
ลงประกาศฟรี ทุกจังหวัด

โพสขายสินค้าตรงกลุ่มเป้าหมาย
โฆษณาเลื่อนประกาศได้
ขายของออนไลน์
แนะนำ 6 วิธีขายของออนไลน์
อยากขายของออนไลน์
เริ่มต้นขายของออนไลน์
ขายของออนไลน์ เริ่มยังไง
ชี้ช่องขายของออนไลน์
การขายของออนไลน์
สร้างเว็บฟรีประกาศ
เว็บบอร์ด โพสต์ฟรี
ลงประกาศ ซื้อ-ขาย ฟรี
ชุมชนคนไอทีขายสินค้า
ลงประกาศฟรีใหม่ๆ 2023
โปรโมทธุรกิจฟรี
ทําไงให้ลูกค้าเข้าร้านเยอะ ๆ
กลยุทธ์เพิ่มยอดขาย
เคล็ดลับขายของดี
ค้าขายไม่ดีทำอย่างไรดี
งานโพสโปรโมทงาน
ทํายังไงให้ขายของดี ออนไลน์
รวม SMFขายสินค้า
ประกาศฟรีออนไลน์
ลงประกาศ สินค้า
ลงประกาศฟรี เว็บบอร์ด
เว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
ฟรี เว็บบอร์ด แรงๆ
โปรโมทสินค้าฟรี
แจกฟรี รายชื่อเว็บลงประกาศฟรี
โปรโมท Social
โปรโมท youtube
แจกฟรี รายชื่อเว็บ
แจกฟรีโพสเว็บบอร์ดsmf
เว็บบอร์ดsmfโพสฟรี
รายชื่อเว็บบอร์ดขายสินค้าฟรี
หากลยุทธ์เพิ่มยอดขาย